นายรัศม์ ชาลีจันทร์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ ย้ำถึงบทบาทของประเทศไทยต่อปัญหากับกัมพูชาบนเวทีโลกว่า ไทยไม่ได้เสียเปรียบและมีแต้มต่อ และกล้าพูดได้ว่า ในเวทีโลกด้านการทูตการต่างประเทศไทยเป็นฝ่ายชนะ เพราะไทยย้ำเสมอว่าการแก้ไขปัญหาเขตแดนไทย-กัมพูชา จะต้องเป็นการดำเนินการโดยการเจรจาอย่างสันติวิธีในแบบทวิภาคี ซึ่งท้ายที่สุด แม้ฝ่ายกัมพูชาจะพยายามลากเรื่องไปสหประชาชาติ ด้วยการเปิดโจมตีไทยก่อน รวมทั้งเป้าหมายพลเรือน เพื่อบีบบังคับให้ไทยต้องตอบโต้ป้องกันตนเอง เพื่อจะได้เอาเรื่องไปฟ้องคณะมนตรีความมั่นคง (UNSC) และหวังให้ UNSC ส่งเรื่องไปศาลโลก (ICJ) อย่างที่กัมพูชาหวัง แต่ท้ายที่สุด UNSC ก็ให้กัมพูชากลับมาหาข้อยุติในกรอบอาเซียน และอาเซียนก็ขอให้หยุดยิง และให้มีการเจรจาทวิภาคี ตามกลไกที่เคยตกลงกันไว้ ทั้ง GBC และ JBC โดยเป็นไปตามที่ไทยต้องการ และย้ำเสมอมาตั้งแต่แรก แต่ฝ่ายกัมพูชากลับไม่ได้ตามที่หวัง ซ้ำยังต้องเสียหายอย่างหนักมาก ทั้งในแง่ไพร่พลทหารและความน่าเชื่อถือในสายตาชาวโลก จากการเริ่มเปิดฉากยิงก่อนและจงใจรวมเป้าหมายทางพลเรือนของไทยด้วย
ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ ยังยืนยันว่า ไม่มีประเทศใดในโลกออกมาประณามไทย หรือเข้าข้างกัมพูชา โดยเฉพาะหลังจากที่ไทยตอบโต้การโจมตีของกัมพูชา ทั้งที่ปกติประเทศที่มีขนาดใหญ่กว่า ย่อมถูกมองว่า มีแนวโน้มที่ใช้กำลังแก้ไขปัญหา ทั้งที่กัมพูชาพยายามเล่นบทเหยื่อ แต่ก็ไม่ได้มีใครคล้อยตาม ดังนั้น จึงยืนยันได้ว่าในเวทีโลกไทยเป็นฝ่ายได้เปรียบ ซึ่งการทูตไทยเน้นการสื่อสารด้วยข้อมูล ข้อเท็จจริงที่ถูกต้องและน่าเชื่อถือเสมอ
ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ ยังยอมรับว่า ไทยเสียเปรียบเพลี่ยงพล้ำในสงครามข่าวสารในประเทศไทยเอง แต่ไม่ใช่เวทีโลก เพราะทั้งจากความล่าช้าของหน่วยราชการ ที่ต้องรอพิสูจน์หลักฐานต่างๆ อย่างแน่ชัดก่อนพูด เพราะต้องอยู่บนความถูกต้องและน่าเชื่อถือ จึงทำให้ล่าช้าหลายกรณีและต้องนำไปปรับปรุง
ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ ยังระบุว่า กัมพูชาเป็นรัฐอำนาจนิยม เผด็จการ ย่อมสั่งการทุกอย่างได้รวดเร็วและไม่ได้ให้ความสนใจในความถูกต้องของข้อมูล ไม่มีสื่ออิสระ หรือฝ่ายค้านแท้จริงที่จะทำหน้าที่ตรวจสอบทัดทานใดๆ แต่สังคมไทยเปิดกว้าง มีความหลากหลาย แบ่งฝักฝ่าย แตกแยก มีฝ่ายค้าน มีสื่ออิสระ รวมทั้งมีกลุ่มคนที่พร้อมจะเอาสิ่งที่ฝ่ายกัมพูชา กล่าวอ้างมาขยายผลโจมตีรัฐบาลไทยต่อ ซึ่งรวมถึงสื่อของไทยบางส่วนเองด้วย ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ก็ตาม จึงน่าแปลกใจที่การสื่อสารของฝ่ายรัฐบาลไทยยากที่จะเป็นฝ่ายชนะได้ แต่ก็ยืนยันอีกครั้งว่า ในเวทีโลกไทยไม่ได้เพลี่ยงพล้ำและถือว่ามีแต้มต่อด้วย