เด็กกรุงเทพฯ เครียดพุ่ง 30% ชูระบบสุขภาพจิตใกล้ตัว ป้องกันก่อนรักษา เดินหน้าเชื่อมศูนย์บริการ

รศ.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นวิทยากรร่วมเสวนาแลกเปลี่ยน หัวข้อ “Special Seminar the Keyword : ไขคำสำคัญ สู่ชุมชมชนสุขภาพจิตดีที่ยั่งยืน” โดยนางสาวณัฐยา บุญภักดี ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนสุขภาวะเด็ก เยาวชนและครอบครัว (สสส.) นายยศพล บุญสม ภูมิสถาปนิก ผู้ก่อตั้ง WE PARK แพลตฟอร์มการพัฒนาพื้นที่สาธารณะสีเขียวผ่านกระบวนการมีส่วนร่วม และนายยงยุทธ์ สุขพิทักษ์ ผู้เชี่ยวชาญการส่งเสริมสุขภาพจิตในชุมชน โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลเขาพระบาท (รพ.สต.เขาพระบาท) จังหวัดนครศรีธรรมราช ร่วมเสวนา ณ ห้องราชา 1 ชั้น 11 โรงแรมปริ๊นซ์พาเลซ มหานคร เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย

รองผู้ว่าฯ ทวิดา กล่าวว่า ระบบสุขภาพที่ดีที่สุดคือ ระบบธรรมชาติ ระบบการแพทย์และสาธารณสุข เริ่มจากครอบครัว เพื่อน อาจารย์ ที่โรงเรียน หรือเพื่อนร่วมงาน เป็นระบบที่ใกล้ตัวที่สุด เข้าถึงได้ง่ายที่สุด ซึ่งจากการตรวจสุขภาพคนกรุงเทพฯ พบคนเครียด 11.3% ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศ และเมื่อประมาณ 2 – 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา ได้ให้หน่วยนำร่องลงพื้นที่โรงเรียนโดยเฉพาะ พบว่า ในจำนวนนักเรียนที่อายุ 12 – 18 ปี พบเด็กมีความเครียด 30%จึงต้องขอให้เพื่อน อาจารย์และครอบครัว มีการขยายส่วนงานตรงนี้ เชื่อมต่อกับศูนย์บริการสาธารณสุขเพื่อรองรับการดำเนินงาน ซึ่งยังเห็นว่าระบบสุขภาพที่เป็นธรรมชาติน่าจะเป็นคำตอบมากกว่าและเมื่อไรที่สามารถเปิด Telemedicine ได้เท่ากันจากโรงพยาบาลต่างๆ ทั่วประเทศ เมื่อนั้นเราจะสามารถเปิดหน้าต่างของหมอที่ให้บริการประชาชนได้ทั่วประเทศ การดูแลสุขภาพที่ดีที่สุดไม่ใช่การรักษาแต่คือ การดูแลสุขภาพให้ดีก่อน

ในการทำงานต้องออกจากระบบเดิมๆ ต้องดูว่าระบบใหม่ๆ มีการทำงานอย่างไร ต้องเข้าใจจริงๆ ว่า คนที่สามารถทำงาน Hybrid ในเรื่องสุขภาพจิตจริงๆ จะเป็นคนแบบไหน และอย่าเอาระบบที่อื่นมายัดเยียดให้ทำ เพราะกรุงเทพมหานครมีความแตกต่าง อยากให้เป็นการบูรณาการการทำงานร่วมกัน เมื่อไรที่เราฟังมากขึ้นจะได้ยินมากขึ้น จะมีมุมต่างๆ ให้เห็นมากขึ้น สามารถทำงานได้มากขึ้น ซึ่งน่าจะเป็นส่วนหนึ่งในการทำงานที่ดี

ทั้งนี้ กรมสุขภาพจิต ได้จัดโครงการสัมมนาแลกเปลี่ยนเรียนรู้การขับเคลื่อนระบบการดูแลสุขภาพจิตประชาชนด้วยพลังเครือข่ายชุมชน/ผ่านกลไกระบบสุขภาพปฐมภูมิ “ร่วมสร้างพลังใจ สุขภาพจิตไทยยั่งยืน” Better Mental Health Care for all ระหว่างวันที่ 5 – 6 สิงหาคม 2568 ณ โรงแรมปริ้นซ์พาเลซ กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นเวทีที่เปิดโอกาสให้เครือข่ายต่างๆ ได้เข้าร่วมนำเสนอผลการดำเนินงาน/และแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์ในการดำเนินงานสุขภาพจิต พร้อมทั้งนำไปต่อยอด ขยายผลให้ครอบคลุมการดูแลประชาชนมากยิ่งขึ้น โดยผู้เข้าร่วมสัมมนาประกอบด้วย เครือข่ายหลายภาคส่วน อาทิ เช่น นายอำเภอ ผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อาจารย์จากมหาวิทยาลัย ผู้บริหารและบุคลากรจากองค์กร สถานประกอบการ อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน แกนนำภาคประชาชน ประชาชน รวมถึงเครือข่ายจากหน่วยงานสาธารณสุขทุกระดับในพื้นที่ ตลอดจนบุคลากรจากกรมสุขภาพจิต รวมทั้งสิ้น 600 คน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง