สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2568 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีนัดพิเศษ เห็นชอบในหลักการให้ปรับเพิ่มเงินเยียวยาให้กับประชาชนและเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์การปะทะบริเวณ 7 จังหวัดชายแดนไทย – กัมพูชา โดยได้มอบหมายให้สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เป็นหน่วยหลักร่วมกับกระทรวงกลาโหม กระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กำหนดหลักเกณฑ์และอัตราเงินเยียวยาให้แก่ประชาชนและเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าวให้มีความเหมาะสมชัดเจน และให้นำผลการพิจารณาเสนอคณะรัฐมนตรีโดยด่วนในวันที่ 5 สิงหาคม 2568
ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีจึงมีมติเห็นชอบมาตรการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากกรณีเหตุการณ์สถานการณ์บริเวณชายแดนไทย – กัมพูชา ตามที่สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เสนอ โดยมีรายละเอียดสำคัญดังนี้
1. เห็นชอบหลักเกณฑ์ให้เงินเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากกรณีเหตุการณ์สถานการณ์บริเวณชายแดนไทย – กัมพูชา นับตั้งแต่วันที่ 16 กรกฎาคม 2568 จนกว่าสถานการณ์จะเข้าสู่ภาวะปกติ ทั้งนี้ หากมีผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าวเพิ่มเติม ให้หน่วยงานขอรับการจัดสรรงบฯ ตามขั้นตอนต่อไป
2. เห็นชอบกรอบอัตราเงินเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ (ต่อราย) ดังนี้
เจ้าหน้าที่รัฐ (เช่น ทหาร ทหารพราน ตำรวจ ตำรวจตระเวนชายแดน) เสียชีวิตและทุพพลภาพ รายละ10,000,000 บาท บาดเจ็บสาหัส (เข้ารับการตรวจรักษาที่โรงพยาบาลและนอนพักรักษาตัวในโรงพยาบาลเกิน 20 วัน) รายละ 1,000,000 บาท บาดเจ็บมาก (เข้ารับการตรวจรักษาที่โรงพยาบาลและนอนพักรักษาตัวในโรงพยาบาลตั้งแต่ 2 วันแต่ไม่เกิน 20 วัน) รายละ 500,000 บาท
ประชาชน เสียชีวิตและทุพพลภาพ รายละ 8,000,000 บาท บาดเจ็บสาหัส รายละ 800,000 บาท บาดเจ็บมาก รายละ 400,000 บาท
3. เห็นชอบกรอบวงเงินงบประมาณ เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากกรณีเหตุการณ์สถานการณ์บริเวณชายแดนไทย – กัมพูชา ตั้งแต่วันที่ 16 กรกฎาคม – 2 สิงหาคม 2568 จำนวน 404,600,000 บาท โดยเบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อแก้ไขหรือเยียวยาความเดือดร้อนเสียหายในบางกรณี และกองทุนช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการรับบริจาคและการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
สำหรับวงเงินเยียวยาในส่วนของเจ้าหน้าที่ของรัฐ รวม 239,000,000 บาท แบ่งเป็น
– เสียชีวิตหรือทุพพลภาพ จำนวน 19 ราย คิดเป็นเงิน 190,000,000 บาท
– บาดเจ็บสาหัส จำนวน 19 ราย คิดเป็นเงิน 19,000,000 บาท
– บาดเจ็บมาก จำนวน 60 ราย คิดเป็นเงิน 30,000,000 บาท
วงเงินเยียวยาในส่วนของประชาชน รวม 165,600,000 บาท แบ่งเป็น
– เสียชีวิตหรือทุพพลภาพ จำนวน 17 ราย คิดเป็นเงิน 136,000,000 บาท
– บาดเจ็บสาหัส จำนวน 37 ราย คิดเป็นเงิน 29,600,000บาท
กรณีผู้ได้รับผลกระทบได้รับเงินช่วยเหลือจากกองทุนช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ไปส่วนหนึ่งแล้ว ให้นำจำนวนเงินที่ได้รับการเยียวยาไปแล้ว หักออกจากจำนวนเงินเยียวยาตามหลักเกณฑ์นี้
ด้านนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี แถลงหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีว่า ช่วงเวลาที่ผ่านมาเราเผชิญกับสถานการณ์ความรุนแรงบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา นับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2568 ที่ผ่านมารัฐบาลไทยได้อดทนอดกลั้นต่อการยั่วยุ การนำเสนอข่าวปลอมที่ทำลายความไว้วางใจทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ ที่สำคัญรัฐบาลยึดมั่นในการเลือกใช้แนวทางสันติวิธีภายใต้กรอบกฎหมายระหว่างประเทศ และตามหลักมนุษยธรรมมาโดยตลอด ขณะนี้เหตุการณ์ปะทะบริเวณชายแดนได้สิ้นสุดลงแล้วในเบื้องต้น และได้เริ่มเข้าสู่การเจรจาเพื่อแก้ไขปัญหานี้ร่วมกันผ่านการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา (General Border Committee: GBC) ตามหลักสันติวิธี
รัฐบาลขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อการสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักของครอบครัวทุกๆ ครอบครัว และพี่น้องประชาชนทุกคนในจังหวัดชายแดนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์นี้ ซึ่งแม้ว่าความสูญเสียที่เกิดขึ้นจะประเมินเป็นมูลค่าไม่ได้ แต่รัฐบาลจะขอผนึกกำลังจากทุกภาคส่วน เพื่อชดเชยความสูญเสียต่อชีวิต ทรัพย์สิน และรายได้ของประชาชนทุกคนที่ได้รับผลกระทบ คณะรัฐมนตรีจึงได้มีมติอนุมัติเงินเยียวยาดังกล่าว พร้อมแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ และวิเคราะห์ข่าวในสื่อสังคมออนไลน์ เพื่อป้องกันข่าวปลอมที่มุ่งหมายจะส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ และความปลอดภัยของประชาชน