รัฐบาลเดินหน้าปราบยาเสพติดแม้อยู่ในช่วงตึงเครียดไทย-กัมพูชา ร่วมมือนานาชาติวางแผนรับมือระยะยาว

นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา มีกลุ่มขบวนการค้ายาเสพติดฉวยโอกาสลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากแนวชายแดน โดยใช้ช่องทางธรรมชาติเข้ามาในพื้นที่ประเทศไทย ซึ่งเมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2568 ที่ผ่านมา กองร้อยทหารม้าที่ 3 หน่วยเฉพาะกิจ ไชยานุภาพ ได้ปฏิบัติการลาดตระเวนเฝ้าตรวจเพื่อป้องกันและสกัดกั้นการกระทำผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติด บริเวณเส้นทางพระธาตุดอยอ่างขางและเส้นทางแยกบ้านหลวง ตำบลแม่งอน อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ พบกลุ่มขบวนการลักลอบลำเลียงยาเสพติด จึงได้วางกำลังเข้าควบคุมพื้นที่เกิดเหตุไว้และได้เข้าตรวจสอบของกลาง ในพื้นที่เกิดเหตุ ตรวจพบเป้สะพายหลัง จำนวน 9 เป้ ภายในบรรจุยาเสพติดให้โทษ ประเภท 1 (ยาบ้า) เป้ละ 150,000 เม็ด รวมประมาณ 1,350,000 เม็ด โดยเจ้าหน้าที่ทหารได้ตรวจยึดยาเสพติดดังกล่าวและได้นำของกลางส่งให้กับ สถานีตำรวจภูธรฝาง เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

จากนโยบายปราบปรามยาเสพติดของรัฐบาลอย่างเข้มข้น ส่งผลให้สามารถสกัดกั้นยาเสพติดได้อย่างเป็นรูปธรรม ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2567 ถึงปัจจุบัน หน่วยกองร้อยทหารม้าที่ 3 หน่วยเฉพาะกิจไชยานุภาพ สามารถสกัดกั้นยาเสพติดได้ 360 ครั้ง จับกุมผู้ต้องหาได้ 381 คน ตรวจยึดยาบ้าได้ 153,702,011 เม็ด เฮโรอีน 145.8 กิโลกรัม ไอซ์ 8,192 กิโลกรัม ฝิ่น 93.5 กิโลกรัม และเคตามีน 696 กิโลกรัม ซึ่งหากยาเสพติดที่ตรวจยึดได้ถูกลำเลียงเข้าสู่พื้นที่กรุงเทพมหานคร จะสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจจากมูลค่าของยาเสพติดที่จำหน่ายถึง 32,093,428,650 บาท

รัฐบาลเน้นย้ำให้ทุกหน่วยในพื้นที่ชายแดนดำเนินการตามนโยบายการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดอย่างเข้มข้น เพื่อความมั่นคงและความปลอดภัยของประชาชน ถึงแม้อยู่ในช่วงสถานการณ์ความไม่สงบชายแดนไทย-กัมพูชา รัฐบาล โดยหน่วยงานความมั่นคงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังคงเดินหน้าร่วมมือกันสกัดกั้น ป้องกันและปราบปรามยาเสพติดอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ขอความร่วมมือประชาชนร่วมเป็นส่วนสำคัญในการแจ้งเบาะแสยาเสพติด ดังนี้

1. ผ่านสายด่วน 1386 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง และโทรฟรีทุกเครือข่าย

2. ทำหนังสือร้องเรียนถึงสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ส่วนกลาง/ส่วนภูมิภาค

3. แจ้งเบาะแสด้วยตนเองได้ที่สำนักงาน ป.ป.ส. ส่วนกลาง/ส่วนภูมิภาค 

4. การแจ้งผ่านเว็บไซต์ ป.ป.ส. : https://1386.oncb.go.th

การแก้ปัญหายาเสพติดไม่สามารถแก้ได้จากหน่วยงานภาครัฐเพียงลำพังแต่ต้องอาศัยความร่วมมือทุกภาคส่วน และการจะแก้ปัญหาอย่างมีประสิทธิภาพในระยะยาวความร่วมมือกับนานาประเทศนับว่า
มีความสำคัญอย่างยิ่ง โดยพันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานการประชุมวิชาการสารเสพติดนานาชาติ ปี พ.ศ. 2568 ภายใต้ชื่อโครงการ “2025 International Conference  on Drug Policy (ICDP) Yaba, Methamphetamine, and Synthetic Drugs” ยาบ้า เมทแอมเฟตามีน และสารเสพติดสังเคราะห์ โดยมีหน่วยงานในสังกัดกระทรวงยุติธรรมร่วมด้วย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผู้แทนสำนักงานว่าด้วย ยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (United Nations Office on Drugs and Crime : UNODC)  Regional Representative a.i. Southeast Asia and the Pacific และหน่วยงานภาคีที่เกี่ยวข้อง

พันตำรวจเอก ทวี กล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ “Yaba problems in Thailand and policy responses” จากบทเรียนแห่งอดีต สู่การทบทวนเชิงระบบ เพื่ออนาคตที่ดีกว่าในนโยบายยาเสพติดไทยว่า ปัจจุบันปัญหายาบ้าไม่ได้เป็นเพียงความท้าทายระดับชาติ แต่เป็นภัยคุกคามระดับโลก จากรายงานของสำนักงาน UNODC เมื่อปี 2567 ชี้ชัดว่าปริมาณเมทแอมเฟตามีนที่ถูกจับกุมในแถบภูมิภาคเอเชียตะวันออกและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีปริมาณสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 236 ตัน เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 24 จากปี 2566 และทั่วโลก มีผู้ใช้สารเสพติดประเภทแอมเฟตามีนและเมทแอมเฟตามีนสูงถึง 30.7 ล้านคนในปี 2566 นั่นหมายความว่า นอกจากประเทศไทยแล้ว ยังมีประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคที่กำลังเผชิญกับสถานการณ์การแพร่ระบาดนี้ ซึ่งประเทศไทยพร้อมแล้วที่จะก้าวไปข้างหน้า จึงเสนอให้ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นเวทีระดมสมองของนานาชาติ ที่ร่วมกันออกแบบแนวทางระยะยาวในการรับมือกับปัญหาเมทแอมเฟตามีน หรือ ยาบ้า

ไทยยินดีอย่างยิ่งที่จะเป็นเจ้าภาพและพันธมิตรที่สำคัญในการขับเคลื่อนการถอดบทเรียนระดับภูมิภาค เพื่ออนาคตที่ปลอดภัยและยั่งยืนสำหรับคนทั้งรุ่นปัจจุบันและรุ่นต่อไปและขอขอบคุณคณะวิทยากรจาก 11 ประเทศทั่วโลก รวมถึงวิทยากรจากประเทศไทยที่ได้ทุ่มเทความรู้ความสามารถ ในการนำเสนอข้อมูลสถานการณ์ ตลอดจนแนวทางในการแก้ไขปัญหายาเสพติดร่วมกัน อีกทั้งขอขอบคุณหน่วยงานจาก UNODC องค์การอนามัยโลก (World Health Organization: WHO) และ คณะกรรมการควบคุมสารเสพติดระหว่างประเทศ (International Narcotics Control Board – INCB) ที่ให้การสนับสนุนการแก้ไขปัญหายาเสพติดมาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงทูตานุทูตจากประเทศต่าง ๆ ผู้บริหารจากหน่วยงานต่างๆ ที่มาร่วมงานครั้งนี้  อีกทั้ง ขอบคุณคณะทำงาน ได้แก่ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เครือข่ายองค์กรวิชาการสารเสพติดและสำนักงาน ป.ป.ส. ที่ร่วมกันจัดงาน
การประชุมครั้งนี้

ความร่วมมือนี้สะท้อนให้เห็นถึงบทบาทที่ชัดเจนของประเทศไทยในการแก้ไขปัญหายาเสพติดทั่วโลก อีกทั้งประเทศไทยยังได้เข้าร่วมการประชุมคณะกรรมาธิการว่าด้วยยาเสพติด หรือ (Commission on Narcotic Drugs : CND) สมัยที่ 68 โดยนำวิกฤตการณ์เมทแอมเฟตามีนในไทย หรือ “YABA” (ยาบ้า) ขึ้นมาเป็นประเด็นสำคัญระดับโลก ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือและมาตรการจากทุกภาคส่วน ทั้งในไทยและต่างประเทศในการร่วมกันแก้ไขปัญหานี้และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า การประชุมครั้งนี้จะเป็นเวทีสำคัญสำหรับการแบ่งปันความรู้และประสบการณ์และการพัฒนาวิธีแก้ปัญหาที่ยั่งยืนสำหรับความท้าทายที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด

ข่าวที่เกี่ยวข้อง