นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการหารือระหว่างผู้นำรัฐบาลกับผู้บริหารระดับสูงจากบริษัทชั้นนำระดับโลกที่มีการลงทุนขนาดใหญ่ในประเทศไทย ภายใต้ชื่องาน “Prime Minister Meets Investors: Confidence in Thailand’s Future – Prime Minister’s Dialogue with Global Investors” โดยมีผู้บริหารจาก 30 บริษัทเข้าร่วม ครอบคลุม 4 อุตสาหกรรมเป้าหมาย ได้แก่ เซมิคอนดักเตอร์และอิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูง (รวมถึงแผงวงจรพิมพ์หรือ PCB) ยานยนต์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่ ดิจิทัล และอุตสาหกรรมอาหารและเทคโนโลยีชีวภาพ อาทิ Sony Samsung Unimicron BYD Hyundai Google TikTok และ Nestlé ซึ่งในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา บริษัทเหล่านี้ได้ลงทุนหรือขยายการลงทุนในไทยรวมมูลค่ากว่า 550,000 ล้านบาท ก่อให้เกิดการจ้างงานกว่า 53,000 ตำแหน่ง
การหารือครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อศักยภาพและขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทย พร้อมตอกย้ำความมุ่งมั่นของรัฐบาลในการสนับสนุนและอำนวยความสะดวกต่อภาคเอกชนอย่างต่อเนื่อง
นายภูมิธรรมกล่าวต้อนรับนักลงทุน พร้อมย้ำว่า ไทยพร้อมรับมือกับสถานการณ์เศรษฐกิจโลกและกติกาการค้าระหว่างประเทศที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะกรณีที่สหรัฐฯ ประกาศเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากไทยในอัตรา 19% ซึ่งรัฐบาลไทยมองว่าเป็นโอกาสในการปรับปรุงกฎระเบียบและกลไกต่างๆ ให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล ลดความเสี่ยงที่อาจส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจ
รัฐบาลยังให้ความสำคัญกับการยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขัน เพื่อให้ภาคธุรกิจเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน ผ่านการพัฒนากฎระเบียบให้เอื้อต่อการดำเนินธุรกิจ เพื่อส่งเสริมและดึงดูดให้เกิดการลงทุนอย่างต่อเนื่อง การพัฒนาทักษะแรงงาน การส่งเสริมพลังงานสะอาด รวมถึงเกิดการถ่ายทอดความรู้และความช่วยเหลือให้แก่เกษตรกรในการเพิ่มผลผลิตและการเพาะปลูกที่สอดคล้องกับมาตรฐานโลก เพิ่มขีดความสามารถในการส่งออกสินค้าเกษตรไทยไปต่างประเทศ และการเร่งเปิดตลาดการค้าระหว่างประเทศ ปัจจุบันไทยมีความตกลงทางการค้า 17 ฉบับ กับ 24 ประเทศ และอยู่ระหว่างเจรจาเพิ่มเติมกับหลายประเทศ ซึ่งจะเปิดโอกาสการส่งออกไปยังกว่า 50 ประเทศทั่วโลก
- ในด้านพลังงานสะอาด รัฐบาลเปิดตัวกลไก Utility Green Tariff (UGT1) สำหรับใช้พลังงานหมุนเวียนพร้อมเอกสารรับรอง ซึ่งมีบริษัทสนใจแล้วกว่า 40 ราย และเตรียมเปิดตัว UGT2 ที่สามารถระบุแหล่งที่มาของพลังงานได้ชัดเจน นอกจากนี้ ยังมีแผนเปิดกลไก Direct Power Purchase Agreement (Direct PPA) ที่ให้ผู้ประกอบการสามารถทำสัญญาซื้อพลังงานสะอาดโดยตรงจากผู้ผลิต ผ่านระบบสายส่งของรัฐ โดยเริ่มจากกลุ่ม Data Center รวม 2,000 เมกะวัตต์ และมีแผนขยายสู่ภาคอุตสาหกรรมอื่น ๆ ทั้งนี้ กลไกด้านพลังงานสะอาดทั้งหมดเป็นส่วนหนึ่งของแผนพลังงานแห่งชาติ ที่กระทรวงพลังงานอยู่ระหว่างปรับแผน เพิ่มสัดส่วนพลังงานสะอาดจาก 26% เป็น 51% ภายใน
ปี 2580 - ในด้านการพัฒนาทุนมนุษย์ รัฐบาลมุ่งสร้างบุคลากรที่มีทักษะตรงตามความต้องการของอุตสาหกรรมเป้าหมาย โดยกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และกระทรวงศึกษาธิการ ได้จัดทำโครงการที่ร่วมมือกับภาคเอกชน เช่น โครงการ Sandbox ด้านเซมิคอนดักเตอร์ ที่มีมหาวิทยาลัย 15 แห่ง ร่วมกับบริษัท 8 ราย เปิดหลักสูตรใหม่ 5 หลักสูตร และจัดตั้งศูนย์พัฒนากำลังคนเซมิคอนดักเตอร์แห่งชาติ 3 แห่ง ตั้งเป้าผลิตบุคลากรกว่า 80,000 คน ภายใน 5 ปี รวมถึงการพัฒนาบุคลากรในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าและดิจิทัล (Sandbox : พื้นที่ทดลอง/ทดสอบนวัตกรรมหรือเทคโนโลยีใหม่ๆ)
จากนั้น นายภูมิธรรมได้เป็นประธานเปิดตัวโครงการ “VOC-UP: ยกระดับอาชีวะไทย Upskillกำลังคนไทยสู่อนาคต” และร่วมเป็นสักขีพยานในการลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ระหว่างภาครัฐกับบริษัทชั้นนำระดับโลก 6 แห่ง ได้แก่ Wus Printed Circuit (Thailand) Gold Circuit Unimicron Thailand Thai Xing Starteam Global และ KCE Electronics โดยโครงการนี้เป็นความร่วมมือระหว่างสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) มุ่งพัฒนาหลักสูตรอาชีวศึกษาให้สอดคล้องกับความต้องการของอุตสาหกรรม โดยเฉพาะในสาขา
การผลิตแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ (PCB) ซึ่งไทยมีศักยภาพเป็น 1 ใน 5 ผู้ผลิตชั้นนำของโลก
โครงการ VOC-UP ถือเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับการอาชีวศึกษาไทยให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์พัฒนากำลังคนของรัฐบาล ผ่านระบบทวิภาคี การฝึกอบรม Upskill–Reskill–New Skill และการพัฒนาหลักสูตรร่วมกับภาคเอกชน เพื่อเพิ่มสมรรถนะผู้เรียนให้ตอบโจทย์ตลาดแรงงานในเศรษฐกิจใหม่ โดยมีมูลค่าการลงทุนรวมกว่า 51,000 ล้านบาท คาดว่าจะสร้างการจ้างงานทันที 1,880 อัตรา และมากกว่า 3,000 อัตราภายใน 5 ปี รวมถึงโอกาสจ้างงานในระยะยาวกว่า 10,000 ตำแหน่งทั่วประเทศ สร้างมูลค่าอุตสาหกรรม PCB เพิ่มขึ้นประมาณ 51,000 ล้านบาท
ด้านนายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ยืนยันถึงความมุ่งมั่นของรัฐบาลในการสร้างความเชื่อมั่นต่อกลุ่มนักลงทุนเป้าหมาย พร้อมเชิญชวนให้บริษัทขยายการลงทุนในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการตั้งศูนย์วิจัยและพัฒนา การพัฒนาบุคลากรร่วมกันและการใช้ไทยเป็นฐานปฏิบัติการระดับภูมิภาค (Regional Headquarter)