หลักเกณฑ์การช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ชายแดนไทย – กัมพูชากรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย (ใช้หลักเกณฑ์เดียวกันและต้องไม่ซ้ำซ้อนกัน)
กรณีเสียชีวิต
– ค่าจัดการศพ รายละ 29,700 บาท
– กรณีผู้เสียชีวิตเป็นผู้หาเลี้ยงหรือเป็นหัวหน้าครอบครัว สงเคราะห์เพิ่มอีก 29,700 บาท
– บาดเจ็บสาหัส ที่ต้องรักษาตัวในสถานพยาบาลติดต่อกันเกิน 3 วัน ได้รับเงินช่วยเหลือเบื้องต้น 4,000 บาท
– บาดเจ็บถึงขั้นพิการ ไม่สามารถประกอบอาชีพได้ตามปกติ ได้รับเงินช่วยเหลือเบื้องต้น 13,300 บาท
– ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บที่รักษาตัวในสถานพยาบาล รายละไม่เกิน 2,300 บาท (ค่าปลอบขวัญ)
ที่อยู่อาศัย
– ค่าซ่อมแซมที่อยู่อาศัยประจำซึ่งผู้ประสบภัยเป็นเจ้าของบ้านได้รับความเสียหาย ได้รับเงินช่วยเหลือเท่าที่จ่ายจริง ไม่เกิน 49,500 บาท
พืชผลทางการเกษตร
– ช่วยเหลือตามจำนวนที่เสียหายจริงไม่เกินครัวเรือนละ 30 ไร่ ดังนี้
ㆍ ข้าว ไร่ละ 1,340 บาท
ㆍ พืชไร่/พืชผัก ไร่ละ 1,980 บาท
ㆍ ไม้ผล/ไม้ยืนต้น ไร่ละ 4,048 บาท
การดำรงชีพ
– ค่าใช้จ่ายดำรงชีพเบื้องต้น กรณีที่พักอาศัยได้รับความเสียหายทั้งหลัง ครอบครัวละไม่เกิน 3,800 บาท
– ค่าดัดแปลงสถานที่พักชั่วคราว ได้รับเท่าที่จ่ายจริง ไม่เกินครอบครัวละ 2,500 บาท
– เครื่องนุ่งห่ม รายละไม่เกิน 1,100 บาท
– ค่าเครื่องมือประกอบอาชีพ หรือทุนหาเลี้ยงชีพ ครอบครัวละไม่เกิน 11,400 บาท
– กรณีเช่าบ้านผู้อื่นอยู่ และได้รับความเสียหายจนไม่สามารถอยู่อาศัยได้ ช่วยเหลือค่าเช่าบ้าน เดือนละ
ไม่เกิน 1,800 บาท ไม่เกิน 2 เดือน
การประมง
– กุ้ง/หอย ไร่ละ 11,780 บาท ไม่เกิน 5 ไร่
– ปลา/สัตว์น้ำ ในบ่อดิน ไร่ละ 4,682 บาท ไม่เกิน 5 ไร่
– สัตว์น้ำกระชัง บ่อชีเมนต์ ตารางเมตรละ 368 บาท ไม่เกิน 80 ตารางเมตร
ปศุสัตว์
– ชดเชยค่าพันธุ์สัตว์กรณีสัตว์ตาย
ㆍโค 13,000 – 35,000 บาท ไม่เกินรายละ 5 ตัว
ㆍกระบือ 15,000 – 39,000 บาท ไม่เกินรายละ 5 ตัว
ㆍแพะ/แกะ 1,500 – 3,000 บาท ไม่เกินรายละ 10 ตัว
ㆍไก่ 20 – 100 บาท แล้วแต่ชนิด ไม่เกินรายละ 1,000 ตัว
กองทุนช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี (ตามมติ ครม. ครั้งที่ 31/2568 วันอังคารที่ 5 สิงหาคม 2568)
เสียชีวิตหรือทุพพลภาพ
– ประชาชน อัตรา 8,000,000 บาทต่อราย
– เจ้าหน้าที่ของรัฐ (ทหาร ทหารพราน ตำรวจ ตำรวจตระเวนชายแดน) อัตรา 10,000,000 บาทต่อราย
บาดเจ็บสาหัส
– ประชาชน อัตรา 800,000 บาทต่อราย
– เจ้าหน้าที่ของรัฐ (ทหาร ทหารพราน ตำรวจ ตำรวจตระเวนชายแดน) อัตรา 1,000,000 บาทต่อราย
บาดเจ็บมาก
– ประชาชน อัตรา 400,000 บาทต่อราย
– เจ้าหน้าที่ของรัฐ (ทหาร ทหารพราน ตำรวจ ตำรวจตระเวนชายแดน) อัตรา 500,000 บาทต่อราย
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ช่วยเหลือเป็นเงินหรือสิ่งของ ไม่เกิน 3,000 บาท ต่อครั้ง ต่อครัว
มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ เสียชีวิต รายละไม่เกิน 10,000 บาท
สำนักงานประกันสังคม
เสียชีวิต
– ผู้ประกันตนตามมาตรา 33 และ 39 ได้รับเงินค่าจัดการศพ รายละ 50,000 บาท
– ผู้ประกันตนตามมาตรา 40 ได้รับเงินค่าจัดการศพ รายละ 25,000 หรือ 50,000 บาท
– กรณีทุพพลภาพรุนแรง ได้รับในอัตราร้อยละ 50 ของค่าจ้างเป็นรายเดือน ตลอดชีวิต
– กรณีทุพพลภาพไม่รุนแรง ได้รับตามหลักเกณฑ์และระยะเวลาตามประกาศฯ กำหนด
กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม
เสียชีวิต
– ค่าตอบแทนการเสียชีวิต 100,000 บาท
– ค่าจัดการศพ 20,000 บาท
– ค่าขาดอุปการะเลี้ยงดู ไม่เกิน 40,000 บาท
– ค่าความเสียหายอื่น ไม่เกิน 40,000 บาท (กรณีอุกฉกรรจ์ สะเทือนขวัญ สาธารณชนให้ความสนใจ)
บาดเจ็บ
– ค่ารักษาพยาบาล ไม่เกิน 40,000 บาท
– ค่าฟื้นฟูสมรรถภาพทางร่างกายและจิตใจ ไม่เกิน 20,000 บาท
– ค่าขาดประโยชน์ทำมาหาได้ตามค่าจ้างขั้นต่ำ แต่ไม่เกิน 1 ปี
– ค่าตอบแทนความเสียหายอื่น ไม่เกิน 50,000 บาท (กรณีอุกฉกรรจ์ สะเทือนขวัญ สาธารณชนให้
ความสนใจ)
หลังการประชุมศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) นางสาว
ศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงถึงการดำเนินการของรัฐบาลที่เกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทยกัมพูชา ว่า รัฐบาลยังมีภารกิจสำคัญ ในการดูแลความปลอดภัย และพาประชาชน
กลับภูมิลำเนาในพื้นที่ที่ได้รับการยืนยันแล้วว่าปลอดภัย 100% ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่จากกระทรวงมหาดไทยกว่า 22,600 คน ยังคงปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่อย่างเต็มที่ ล่าสุดได้มีการประกาศเขตภัยพิบัติให้ความช่วยเหลือฉุกเฉินรวม 7 จังหวัด /ศูนย์พักพิงชั่วคราว 353 แห่งใน 4 จังหวัด ซึ่งขณะนี้มีจำนวนลดลงอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามขณะนี้ยังมีจรวด BM-21 ที่ยังไม่ได้เก็บกู้และหลงเหลืออยู่ในพื้นที่ ฝ่ายความมั่นคงอยู่ระหว่างการเร่งดำเนินการ เก็บกู้เพื่อให้พื้นที่มีความปลอดภัยสำหรับประชาชนในการเตรียมตัวกลับภูมิลำเนา และเร่งสำรวจความเสียหายที่เกิดขึ้น ส่วนในพื้นที่ที่ยังไม่สามารถเข้าสำรวจได้ เนื่องจากสถานการณ์ยังไม่ปลอดภัยจะเร่งดำเนินการให้เร็วที่สุด กระทรวงมหาดไทยจะเร่งเยียวยาในทุกมิติ
ส่วนการพาประชาชนที่ได้รับผลกระทบกลับบ้านขณะนี้กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานหลักในการประสานกับหน่วยทหารในพื้นที่เพื่อร่วมกันพิจารณาว่าพื้นที่ใดที่มีความปลอดภัยเพียงพอสำหรับการให้ประชาชน เดินทางกลับภูมิลำเนาได้แล้ว ก็จะพิจารณาให้กลับได้ทันที หากมีการยืนยันว่ามีความปลอดภัยอย่างแท้จริงภายใต้ระบบควบคุมที่เป็นระเบียบเรียบร้อยเพื่อความปลอดภัยสูงสุดของประชาชน พร้อมย้ำว่าเป้าหมายที่สำคัญที่สุด ขณะนี้คือการพาประชาชนกลับบ้านอย่างเหมาะสม อย่างมั่นใจ และปลอดภัยที่สุด ขณะนี้เป็นช่วงเวลารวมใจไทยเป็นหนึ่ง
สำหรับในช่วงวันหยุดวันที่ 9-10 สิงหาคม 2568 จะมีรัฐมนตรีลงพื้นที่พบปะประชาชนใน 4 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดสุรินทร์ ศรีสะเกษ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ประกอบด้วย
วันที่ 9 สิงหาคม 2568
– นายนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษ ติดตามสถานที่ต่าง ๆ ที่ได้รับความเสียหาย เช่นสถานีบริการน้ำมัน และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล
– นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ลงพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษ ร่วมกับ
นายภูมิธรรม เพื่อนำข้อมูลจริงไปชี้แจงกับนานาชาติ
– นางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ ที่ศูนย์พักพิง มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตสุรินทร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์ วัดสุทธิธรรมาราม โรงเรียนโสตศึกษา ตำบลเชื้อเพลิง
วันที่ 10 สิงหาคม 2568
– นายพงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ลงพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ ศูนย์พักพิงโรงเรียน ศีขรภูมิพิสัย โรงเรียนอาชีพศีขรภูมิ โรงเรียนจอมพระประชาสรรค์
– นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ลงพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษ
– นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ลงพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษ ศูนย์พักพิง
วัดบ้านนากันตม ตำบลสังเม็ก และศูนย์พักพิงวัดคำสะอาด
– นายอรรถกร ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลงพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์
– นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ลงพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ ศูนย์พักพิง
สนามช้าง เซอร์กิตฯ
– นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี
ศูนย์พักพิงวัดเม็กน้อย และองค์การบริหารส่วนตำบลเมืองเดช