ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) เป็นประธานในการประชุมร่วมกับผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา เพื่อติดตามสถานการณ์ในพื้นที่ และชี้แจงแนวทางการดำเนินการต่างๆ ในการดูแลช่วยเหลือนักเรียนและครู โดยมี นายวิษณุ ทรัพย์สมบัติ ที่ปรึกษาด้านมาตรฐานการศึกษา นางนัยนา ตันเจริญ ผู้อำนวยการสำนักอำนวยการ รวมถึงผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา (จ.อุบลราชธานี สุรินทร์ บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ) ผู้อำนวยการสำนักของ สพฐ. เข้าร่วม ณ ห้องประชุมปฏิบัติการ DOC สพฐ. 5 ชั้น 9 และผ่านระบบออนไลน์ Zoom Meeting
จากสถานการณ์เหตุปะทะชายแดน พบว่า มีเขตพื้นที่ได้รับผลกระทบ 23 แห่ง มีโรงเรียนปิดการเรียนการสอน 658 แห่ง ภายใน 7 จังหวัดมีจุดพักพิง 93 จุด มีประชาชนรวม 23,772 คน ในจำนวนนี้เป็นนักเรียนในสังกัด 3,315 คน และครู จำนวน 422 คน จึงได้เน้นย้ำมาตรการที่สั่งการไปก่อนหน้านี้ และให้ติดตามสถานการณ์จากฝ่ายความมั่นคงอย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งสอบถามผลกระทบที่มีต่อการจัดการศึกษาให้เด็กนักเรียน รวมถึงปัญหาอุปสรรคต่างๆ ที่พบจริงในพื้นที่ เพื่อร่วมกันหารือ หาทางออกที่มีประสิทธิภาพต่อไป
ในด้านการจัดการเรียนการสอนที่เหมาะสมกับสถานการณ์ สพฐ. ได้มอบหมายสำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา จัดทำ (ร่าง) แนวทางการบริหารจัดการ การเรียนการสอน และการวัดและประเมินผลระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน กรณีปิดสถานศึกษาด้วยกรณีพิเศษหรือเหตุพิเศษ เนื่องด้วยระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยปีการศึกษา การเปิดและปิดสถานศึกษา พ.ศ. 2549 และระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยปีการศึกษา การเปิดและปิดสถานศึกษา พ.ศ. 2549 (ฉบับที่ 2 ) พ.ศ. 2558 กำหนดให้มีการปิดสถานศึกษาในกรณีพิเศษหรือเหตุพิเศษ เพื่อให้การบริหารจัดการ การเรียนการสอน และการวัดและประเมินผล ในกรณีดังกล่าว เกิดประโยชน์สูงสุดต่อนักเรียน ทั้งด้านคุณภาพการเรียนรู้และคุณภาพชีวิตได้อย่างเหมาะสมกับสภาวการณ์
แนวทางในการจัดการเรียนการสอน ทางโรงเรียนสามารถปรับโครงสร้างรายวิชาให้เหมาะสมกับสถานการณ์ จัดรูปแบบการเรียนการสอนที่ยืดหยุ่น ใช้ตัวชี้วัดปลายทางเป็นเป้าหมายการเรียนรู้ รวมถึงกำหนดภาระงานและการบ้านอย่างเหมาะสม ให้เหลือเท่าที่จำเป็นต่อการพัฒนาทักษะและเป็นเครื่องมือการเรียนรู้ พร้อมทั้งกำหนดปฏิทินของสถานศึกษาที่สอดคล้องกับสภาวการณ์และคุณภาพการเรียนรู้ของผู้เรียน โดยจัดพื้นที่หรือสถานที่ สื่ออุปกรณ์การเรียนรู้ เพื่อใช้ในการเรียนการสอน ได้ตามความเหมาะสมและเอื้อต่อการเรียนรู้ พร้อมประสานสถานศึกษา ศูนย์การเรียนรู้ หรือหน่วยงานอื่นร่วมให้บริการจัดการศึกษา และดำเนินการกำกับ ติดตาม ดูแล ประสานงาน และอำนวยความสะดวกกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องต่างๆ เช่น ผู้บริหารสถานศึกษา ครูผู้สอน บุคลากร เจ้าหน้าที่ของหน่วยงานอื่น ให้มีส่วนร่วมในการวางแผนออกแบบจัดการเรียนรู้ให้กับผู้เรียนได้ตามความเหมาะสมอีกด้วย
ขอขอบคุณความร่วมมือจากทุกฝ่าย ทั้งโรงเรียน ครูและบุคลากรฯ ผู้ปกครอง และผู้บริหารเขตพื้นที่ ที่ร่วมกันขับเคลื่อนการศึกษาให้ลงถึงผู้เรียนอย่างเท่าเทียมในทุกพื้นที่ โดยยึดประโยชน์สูงสุดต่อนักเรียนเป็นสำคัญ ทำให้นักเรียนได้รับการศึกษาอย่างต่อเนื่อง เหมาะสมกับสถานการณ์ เพื่อเติบโตเป็นอนาคตที่ดีของชาติต่อไป