6 รัฐมนตรีลงพื้นที่จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา เยี่ยมให้กำลังใจประชาชน เดินหน้าเยียวยารอบด้าน

นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมด้วยนางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ลงพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษ เพื่อให้กำลังใจและติดตามการช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์สู้รบชายแดนไทย–กัมพูชา โดยได้ร่วมวางดอกไม้แสดงความอาลัยแก่ผู้เสียชีวิตจากเหตุลูกปืนใหญ่ BM-21 ตกใส่ร้านสะดวกซื้อ ภายในปั๊มน้ำมัน ปตท. บ้านผือ อำเภอกันทรลักษ์ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคมที่ผ่านมา ทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 7 ราย ท่ามกลางสายฝน ซึ่งทุกคนยังคงร่วมแสดงความไว้อาลัยอย่างสงบ

จากนั้น คณะได้ลงพื้นที่เยี่ยมครอบครัวผู้ประสบภัย ที่บ้านเลขที่ 201 หมู่ 13 บ้านภูมิซรอล ตำบลเสาธงชัย อำเภอกันทรลักษ์ ซึ่งถูกระเบิดตกใส่จนเสียหายทั้งหลังพร้อมมอบสิ่งของเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนและให้กำลังใจแก่เจ้าของบ้าน โดยย้ำว่ารัฐบาลยืนยันให้ความช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบภัยอย่างเต็มที่ ไม่ให้มีผู้ใดตกหล่น พร้อมสั่งการผู้ว่าราชการจังหวัดเร่งสำรวจความเสียหายในพื้นที่ และหากเกินขอบเขตอำนาจให้รายงานมายังรัฐบาลเพื่อพิจารณาช่วยเหลือโดยด่วน ขณะนี้พบว่ามีบ้านเรือนเสียหายอย่างหนักประมาณ 30 หลัง และเสียหายบางส่วนกว่า 170 หลัง กำลังอยู่ระหว่างการสำรวจให้ครบถ้วนทุกพื้นที่

นอกจากนี้ ได้เข้าเยี่ยมผู้ป่วยติดเตียงที่ศูนย์พักพิงวิทยาลัยเทคนิคกันทรลักษ์ ซึ่งเดิมมีผู้ป่วยติดเตียงจำนวน 29 ราย ได้ทยอยกลับบ้านแล้วบางส่วน โดยหน่วยงานราชการจัดรถส่งพร้อมมีผู้นำชุมชนรับกลับ
อย่างปลอดภัย

สำหรับพื้นที่บุรีรัมย์ นายอรรถกร ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจข้าราชการและเกษตรกรผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุปะทะชายแดน ย้ำเป็นข่าวดีที่ไม่มีเจ้าหน้าที่บาดเจ็บหรือเสียชีวิตและประชาชนส่วนใหญ่กลับเข้าที่พักได้แล้ว แต่ยังต้องฟื้นฟูความเสียหายต่อชีวิต ทรัพย์สิน และสภาพจิตใจอย่างต่อเนื่อง ในส่วนพื้นที่เกษตรและสัตว์เลี้ยงบางส่วนยังไม่สามารถสำรวจได้ครบเพราะมีความเสี่ยง โดยจะเร่งสำรวจทันทีเมื่อปลอดภัย เพื่อนำข้อมูลเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อเยียวยาและสนับสนุนเครื่องมือ อุปกรณ์ และปัจจัยการผลิตให้เกษตรกรอย่างมีประสิทธิภาพ

นายอรรถกร ย้ำว่า การลงพื้นที่รับฟังปัญหาโดยตรงจากเกษตรกรเพื่อให้ความช่วยเหลือและมาตรการเยียวยาตรงกับความต้องการที่แท้จริง และตนจะติดตามผลการดำเนินงานอย่างต่อเนื่องจนกว่าสถานการณ์จะกลับสู่ภาวะปกติ โดยได้ประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน เพื่อฟื้นฟูชีวิตความเป็นอยู่ของเกษตรกรในพื้นที่อย่างเร่งด่วน รวมถึงได้ทำงานร่วมกับกระทรวงมหาดไทย ในการที่จะใช้เงินจากกองทุนต่าง ๆ เพื่อนำมาเยียวยาประชาชนและเกษตรกรที่ได้รับผลเสียหายอย่างครอบคลุมและทั่วถึง

ทั้งนี้ จังหวัดบุรีรัมย์มีพื้นที่และสัตว์ได้รับผลกระทบใน 3 อำเภอ ได้แก่ บ้านกรวด 220 ครัวเรือน ละหานทราย 359 ครัวเรือน และเฉลิมพระเกียรติ 11 ครัวเรือน รวมสัตว์ที่ได้รับความช่วยเหลือ 4,672 ตัว ได้แก่ โค 3,510 ตัว กระบือ 161 ตัว สุกร 694 ตัว และสุนัข-แมว 307 ตัว มีสัตว์เสียชีวิต 8 ตัว (โค 3 ตัว สุกร 5 ตัว) จากเหตุปะทะครั้งนี้

ด้านนายเทวัญ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ลงพื้นที่โรงเรียนบ้านกรวดวิทยาคาร อำเภอบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์ มอบเครื่องอุปโภค-บริโภค 100 ชุดแก่ลูกเสือ บุคลากรทางการศึกษาและประชาชน พร้อมให้กำลังใจผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา และรับฟังปัญหาของพื้นที่ และขอให้สถานศึกษาดูแลความปลอดภัยและจัดการเรียนชดเชย หลังต้องหยุดเรียนราว 2 สัปดาห์ ยืนยันกระทรวงศึกษาธิการพร้อมเยียวยาและสนับสนุนอย่างเต็มที่ โดยพื้นที่อำเภอบ้านกรวดมีประชากร 76,725 คน ได้รับผลกระทบ 41,338 คน จากเหตุปะทะระหว่างวันที่ 24–28 กรกฎาคม 2568 ต้องอพยพ 29,672 คน ไม่ประสงค์อพยพ 11,666 คน พบลูกกระสุนปืนใหญ่ 251 ลูก มีผู้บาดเจ็บ 3 คน บ้านเสียหาย 6 หลัง รถยนต์เสียหาย 2 คัน วัวตาย 2 ตัว บาดเจ็บ 1 ตัว โรงเรียน 47 แห่งปิดการเรียนการสอน และจะเปิดอีกครั้งวันที่ 13 สิงหาคมนี้

ที่จังหวัดสุรินทร์ นายพงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน พร้อมคณะ ลงพื้นที่มอบถุงยังชีพ 1,400 ชุดให้ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) และประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ณ โรงเรียนประสาทวิทยาคาร อำเภอปราสาท โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมต้อนรับ พร้อมระบุว่า จะนำข้อมูลไปวางแผนแก้ไขและเยียวยาในรอบสอง รวมถึงให้ความช่วยเหลือด้านแรงงานอย่างครอบคลุม และยืนยันแรงงานกัมพูชายังคงทำงานในไทยได้อย่างปลอดภัยและได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายโดยไม่เลือกปฏิบัติ พร้อมส่งเจ้าหน้าที่ตรวจสอบสถานการณ์จริงและประสานนายจ้างเพื่อป้องกันความขัดแย้งระหว่างแรงงานไทยและกัมพูชา

นายพงศ์กวิน ย้ำว่า กระทรวงแรงงานพร้อมสนับสนุนสถานประกอบการที่กังวลเรื่องแรงงานขาดแคลน โดยเร่งทำบันทึกความร่วมมือ (MOU) กับศรีลังกาและแรงงานชาติอื่นๆ จำนวน 10,000 คน เพื่อเสริมแรงงานทดแทน ขณะนี้แรงงานกัมพูชากลับประเทศแล้วประมาณ 30,000 คน ซึ่งจะทยอยกลับมาทำงานเมื่อสถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติ

ที่จังหวัดอุบลราชธานี นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่ติดตามการซ่อมแซมบ้านของประชาชน 2 ครัวเรือน ในตำบลสีวิเชียร อำเภอน้ำยืน โดยศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เขต 13 อุบลราชธานี และสำนักงาน ปภ. จังหวัด ได้รื้อถอนอาคารเก่าและปรับพื้นที่เพื่อสร้างบ้านใหม่ พร้อมได้รับการสนับสนุนจาก พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม จัดบ้าน knock down (บ้านสำเร็จรูป) ให้ประชาชนอยู่อาศัยชั่วคราว ส่วนเงินเยียวยาได้กำชับให้จังหวัดเร่งเบิกจ่ายและประสานทุกหน่วยช่วยเหลือ และเป็นประธานพิธีพระราชทานเพลิงศพนางฮุ่ง โจรสา ผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ชายแดน ณ วัดกุดเชียงมุน โดยมีพระศรีวิสุทธิมุนี รองเจ้าคณะจังหวัดอุบลราชธานี เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ (บุ่งสระพัง) เป็นประธานสงฆ์

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุเคราะห์ในการจัดงานบำเพ็ญกุศลและพระราชทานเพลิงศพ ซึ่งสร้างความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณแก่ครอบครัวโจรสาและประชาชนในพื้นที่อย่างลึกซึ้ง

นางฮุ่ง เป็นภรรยาของนายปอด โจรสา จากเหตุปะทะระหว่างทหารไทย-กัมพูชา เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 นางฮุ่งเสียชีวิตทันที ส่วนนายปอด บาดเจ็บสาหัสและเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์

นางสาวธีรรัตน์ เปิดเผยว่า ได้มอบเงินกองทุนช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย จำนวน 800,000 บาท ให้กับนายปอด ตามมติคณะรัฐมนตรี รวมทั้งเงินเยียวยาตามระเบียบการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย สำหรับนางฮุ่ง ซึ่งเป็นพลเมืองสัญชาติลาว ถือเป็นกรณีพิเศษ ทางจังหวัดโดยนายอำเภอน้ำยืนจะตรวจสอบข้อเท็จจริงและเสนอเรื่องให้คณะกรรมการที่เกี่ยวข้องพิจารณาช่วยเหลือต่อไป

ขณะที่ นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ย้ำถึงการเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2568 โดยผู้เสียชีวิตได้รับชดเชยรายละ 8 ล้านบาท (ประชาชนทั่วไป) และ 10 ล้านบาท (ข้าราชการทหาร-ตำรวจ)

ส่วนผู้บาดเจ็บและทุพพลภาพก็จะได้รับการเยียวยาอย่างครบถ้วนไม่มีตกหล่น ด้านการเยียวยาบ้านเรือนและทรัพย์สินของประชาชน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี พร้อมคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องได้ลงพื้น รับฟังข้อมูลและข้อเสนอแนะจากประชาชนและเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ เพื่อนำไปวางแนวทางเยียวยาความเสียหายทางเกษตร ปศุสัตว์ และที่อยู่อาศัย รวมทั้งรวบรวมรายละเอียดเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาในรอบสอง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง