ยกระดับมาตรการควบคุมโรงงานและจัดตั้ง “กองทุนอุตสาหกรรมยั่งยืน” เห็นชอบกรอบเวลาบังคับใช้มาตรฐานยูโร 6 และแผนแก้ปัญหากากอุตสาหกรรมทั้งระบบ

นายพงศ์พล ยอดเมืองเจริญ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและโฆษกกระทรวงอุตสาหกรรม เข้าร่วมการประชุมคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 3/2568 โดยมีนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เป็นประธานการประชุม พร้อมด้วยผู้บริหาร ผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุม 301 ชั้น 3 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล

โดยที่ประชุมได้รายงานมาตรการควบคุมและกำกับดูแลโรงงานอุตสาหกรรมที่รับดำเนินการของเสียอันตราย และโรงงานอุตสาหกรรมหรือสถานประกอบกิจการที่มีความเสี่ยงที่จะมีผลกระทบต่อประชาชนและสิ่งแวดล้อม

กระทรวงอุตสาหกรรม นำโดยรัฐมนตรี เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ ได้ใช้มาตรการคุมเข้มโรงงานอุตสาหกรรม โดยมอบหมายให้ชุดตรวจการสุดซอยบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ตรวจสอบโรงงานอุตสาหกรรมต้องสงสัยด้วยความตรงไปตรงมา ตามเก็บหลักฐานอย่างจริงจัง พร้อมส่งดำเนินคดีทางกฎหมาย ทั้งนี้ยังได้ผลักดัน ร่างพระราชบัญญัติจัดการกากอุตสาหกรรม เพื่อแก้ไขปัญหากากอุตสาหกรรมในประเทศไทย โดยมีการจำแนกโรงงานประเภทกำจัดกากออกจากโรงงานปกติ ให้อำนาจกระทรวงอุตสาหกรรมในการจัดการและควบคุมดูแลเขตปลอดอากร (Free Zone) ที่อาจมีการลักลอบนำเข้ากากอุตสาหกรรม

นอกจากนี้ ยังมีการจัดตั้ง “กองทุนอุตสาหกรรมยั่งยืน” เพื่อช่วยเหลือเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบ รวมถึงเพิ่มบทลงโทษในกรณีพบการลักลอบนำเข้ากากอุตสาหกรรมหรือการปล่อยของเสียออกจากโรงงานอุตสาหกรรม และมอบหมายให้กรมโรงงานอุตสาหกรรม ปรับปรุงพระราชบัญญัติโรงงานให้เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบัน ส่งเสริมการตั้งโรงงานอุตสาหกรรมลำดับที่ 106 (โรงงานประกอบกิจการเกี่ยวกับการนำเข้าผลิตภัณฑ์ที่ไม่ใช่แล้วหรือของเสียจากโรงงานมาผลิตเป็นวัตถุดิบหรือผลิตภัณฑ์ใหม่) ในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม เขตประกอบโรงงานอุตสาหกรรม และแบ่งประเภทโรงงาน ลำดับที่ 106 ให้ชัดเจนเพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถควบคุมและกำกับดูแลโรงงานไม่ให้ส่งผลกระทบต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อม ป้องกันการลักลอบทิ้งของเสีย และระวังการเกิดอุบัติภัยสารเคมีที่จะส่งผลกระทบต่อประชาชน

ที่ประชุมได้เห็นชอบกรอบเวลาบังคับใช้มาตรฐานการระบายมลพิษทางอากาศจากรถยนต์ดีเซลใหม่ยูโร 6 โดยรถยนต์ดีเซลขนาดเล็กจะเริ่มบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2572 และรถยนต์ดีเซลขนาดใหญ่จะพิจารณาให้มีผลบังคับใช้ล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 2 ปี แต่ไม่เกินวันที่ 1 มกราคม 2575 เลขาฯ ลอรี่กล่าวเพิ่มเติมว่า การเลื่อนนี้เป็นผลมาจากข้อเสนอของสมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยที่ได้แจ้งถึงผลกระทบทางเศรษฐกิจต่อยอดขายรถยนต์ที่ลดลงอย่างมาก รวมถึงต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้น ซึ่งการเลื่อนดังกล่าวจะช่วยให้ผู้ประกอบการมีเวลาปรับตัวและตลาดรถยนต์มีเวลาฟื้นตัว

การเลื่อนบังคับใช้มาตรฐานยูโร 6 ในครั้งนี้ ไม่เพียงแต่ช่วยลดภาระทางเศรษฐกิจให้กับผู้ประกอบการเท่านั้น แต่ยังเป็นการช่วยลดความกดดันที่อาจนำไปสู่การย้ายฐานการผลิต ช่วยเซฟแรงงานไทย และยังเปิดโอกาสสำคัญให้ทั้งผู้ผลิตรถยนต์และผู้ผลิตชิ้นส่วนได้มีเวลาในการเตรียมความพร้อมอย่างเต็มที่ ก่อนเข้าสู่มาตรฐานใหม่ที่จะช่วยยกระดับอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป

ข่าวที่เกี่ยวข้อง