“ทวี–ธีรรัตน์” มอบบ้านน็อคดาวน์ เพื่อคนไทยช่วยผู้เดือดร้อนเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา นำร่อง จ.อุบลราชธานี ฟื้นฟูชีวิตประชาชน

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี มอบหมายให้ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วยนางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่มอบบ้านเพื่อคนไทยให้กับประชาชนผู้ประสบภัยจากเหตุการณ์ปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ณ ศาลาประชาคมบ้านนาสามัคคีหมู่ที่ 5 ตำบลสีวิเชียร อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี

พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า การมอบบ้านน็อคดาวน์ให้กับประชาชนรวม 5 หลัง แบ่งเป็นพื้นที่บ้านนาสามัคคี หมู่ที่ 5 ตำบลสีวิเชียร จำนวน 4 หลัง และพื้นที่บ้านโพนทอง หมู่ที่ 9 ตำบลโดมประดิษฐ์ จำนวน 1 หลัง เพื่อใช้พักอาศัยชั่วคราว ในระหว่างการสร้างบ้านหลังใหม่ภายหลังจากประสบเหตุจากการถูกจรวด BM-21 ยิงใส่ตัวบ้านได้รับความเสียหายทั้งหลัง สำหรับบ้านน็อคดาวน์ที่มอบในวันนี้มี 2 แบบ คือ แบบแรกพื้นที่ใช้สอยประมาณ 36 ตารางเมตร และแบบที่สองพื้นที่ใช้สอย 54 ตารางเมตร โดยบ้านทุกหลังมีห้องนอน ห้องนั่งเล่น ห้องรับแขก พร้อมเฟอร์นิเจอร์ เครื่องปรับอากาศ ทีวี 24 นิ้ว เตียงนอน 6 ฟุต โซฟา ตู้เย็น ตู้เสื้อผ้า และอินเทอร์เน็ต ส่วนหลังบ้านอื่น ๆ ที่ได้รับความเสียหายหากเป็นการซ่อมแซมก็จะเข้าระบบของทางราชการ   โดยบ้านน็อคดาวน์ (บ้านสำเร็จรูป) จะดำเนินการทั้ง 7 จังหวัดชายแดน  

พ.ต.อ.ทวี ระบุว่า ในนามรัฐบาลย้ำว่าความทุกข์ของประชาชนเป็นความทุกข์ที่เราทุกข์ด้วย และเป็นความห่วงใยจากคนไทยทั้งประเทศไม่แต่เฉพาะรัฐบาล เพราะถือเป็นพื้นที่ชายแดนที่เราต้องปกป้องดูแลประชาชน ในนามของรัฐบาลรับปากที่จะเร่งรัดเยียวยา ฟื้นฟู ทั้งด้านงบประมาณ วัตถุ จิตใจ โดยจะเร่งดำเนินการให้เร็วที่สุด และขอเป็นกำลังใจให้กับทุกฝ่ายในพื้นที่ โดยรัฐบาลมีแผนที่จะเยียวยาสำหรับประชาชนที่เสียโอกาสจากการหยุดงานและขาดรายได้ พร้อมขอบคุณทุกภาคส่วนที่ร่วมกันทำงานเพื่อดูแลช่วยเหลือพี่น้องประชาชนอย่างเต็มที่

ด้านนางสาวธีรรัตน์ กล่าวว่า นับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ตนได้รับมอบหมายจากนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี และจังหวัดศรีสะเกษ พร้อมทั้งได้มีการประชุมร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชาทั้ง 7 จังหวัดอย่างต่อเนื่อง ซึ่งได้กำชับให้ทุกพื้นที่เร่งช่วยเหลือเยียวยาประชาชนโดยเร็วที่สุด โดยเฉพาะเงินช่วยเหลือเยียวยาตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบวงเงินช่วยเหลือ และกรมบัญชีกลางได้อนุมัติวงเงินทดรองราชการ 100 ล้านบาทให้ผู้ว่าราชการจังหวัด

นางสาวธีรรัตน์ กล่าวเน้นย้ำว่า ในเรื่องความเสียหายที่เกิดขึ้น รัฐบาลได้มอบหมายให้ทุกจังหวัด ทุกอำเภอ เก็บข้อมูลผู้ได้รับผลกระทบ และนำมาประเมินความช่วยเหลือ ซึ่งเราจะทำให้เร็วที่สุด พร้อมทั้งมีภาคเอกชนที่ได้เข้ามาร่วมด้วย เพื่อให้พี่น้องประชาชนมีความอบอุ่นใจว่ารัฐบาลและทุกภาคส่วนไม่ทอดทิ้งและจะช่วยทำให้วิกฤตนี้ผ่านพ้นไปให้ได้ และขอเป็นกำลังใจให้กับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติหน้าที่ สำรวจความเสียหายต่าง ๆ อย่างเต็มกำลังโดยไม่มีวันหยุด เราทำงานทุกวันจนกว่าพี่น้องประชาชนจะได้รับการช่วยเหลือดูแลให้ได้มีคุณภาพชีวิตที่ดี และในขณะนี้ยังมีระเบิดที่ตกหล่นอยู่ในพื้นที่ จึงขอให้เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน โดยเฉพาะกำลังพลทหารได้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความระมัดระวัง เราก็จะเร่งดำเนินการเยียวยาช่วยเหลือให้เร็วที่สุดทั้งทหารและพลเรือน

สำหรับความเสียหายจากเหตุการณ์ปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ในพื้นที่อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี ประชาชนได้รับผลกระทบกว่า 20,000 คน ต้องอพยพมาอยู่ศูนย์พักพิงชั่วคราวในพื้นที่อำเภอ เดชอุดม จำนวน 68 แห่ง โดยจังหวัดได้ประกาศให้ทั้ง 7 ตำบลของพื้นที่อำเภอน้ำยืน เป็นพื้นที่ประสบสาธารณภัย จากกองกำลังนอกประเทศ มีกระสุนจรวดที่ตกหล่นในพื้นที่ 68 ลูก ประชาชนเสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บ 7 ราย บ้านเรือนเสียหาย 81 หลัง แบ่งเป็นความเสียหายเล็กน้อย ปานกลาง และเสียหายทั้งหลัง โดยรัฐบาลได้มอบให้กระทรวงมหาดไทยและกระทรวงยุติธรรม ร่วมมือกันเร่งรัดดำเนินงานซ่อมแซมบ้านพักที่ชำรุดเสียหายหรือก่อสร้างบ้านน็อคดาวน์แบบสำเร็จรูปให้กับประชาชนที่บ้านเสียหายทั้งหลัง เพื่อฟื้นฟูความเป็นอยู่ของประชาชนให้กลับคืนสู่ภาวะปกติโดยเร็วที่สุด เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน และส่งเสริมให้ผู้ต้องขังได้มีโอกาสทำประโยชน์เพื่อสังคม นอกจากนี้ ยังมีสถานที่ราชการเสียหาย 6 แห่ง โคและกระบือตาย 6 ตัว รถยนต์เสียหาย 60 คัน ทั้งนี้ ประชาชนในพื้นที่ทยอยเดินทางกลับที่พักอาศัยแล้ว ตั้งแต่วันที่ 9 สิงหาคม ซึ่งจังหวัดเร่งสำรวจความเสียหายและเร่งฟื้นฟูตามขั้นตอนและระเบียบราชการต่อไป

ข่าวที่เกี่ยวข้อง