22 จังหวัด เฝ้าระวังน้ำหลาก ดินโคลนถล่ม น้ำท่วมขัง น้ำล้นตลิ่ง ช่วง 15 – 17 สิงหาคมนี้

สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ออกประกาศเฝ้าระวังน้ำหลาก ดินโคลนถล่ม น้ำท่วมขัง น้ำล้นตลิ่งและระดับน้ำแม่น้ำเจ้าพระยา ฉบับที่ 16/2568 หลังคาดการณ์สภาพอากาศพบจะมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง โดยได้ประเมินวิเคราะห์สภาพอากาศ สถานการณ์น้ำ และคาดการณ์พื้นที่เสี่ยงน้ำหลาก ดินโคลนถล่ม ร่วมกับกรมอุตุนิยมวิทยา สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) กรมทรัพยากรน้ำ กรมทรัพยากรธรณี กรมชลประทาน การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พบมีพื้นที่บางส่วนเสี่ยงต้องเฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม น้ำท่วมขังในเขตชุมชนเมืองที่เกิดน้ำท่วมขังอยู่เป็นประจำเนื่องจากระบายไม่ทันช่วงวันที่ 15 – 17 สิงหาคมนี้ ในภาคเหนือ บริเวณจังหวัดเชียงราย แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง พะเยา น่าน ตาก พิษณุโลก และจังหวัดเพชรบูรณ์ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ บริเวณจังหวัดเลย หนองคาย บึงกาฬ อุดรธานี สกลนคร และจังหวัดอุบลราชธานี ภาคตะวันออก บริเวณจังหวัดชลบุรี จันทบุรี และจังหวัดตราด ภาคใต้ บริเวณจังหวัดชุมพร พังงา และจังหวัดภูเก็ต รวมทั้งเฝ้าระวังอ่างเก็บน้ำขนาดกลางและเล็กที่มีปริมาณน้ำมากกว่าร้อยละ 80 ของความจุเก็บกัก บริเวณจังหวัดเชียงใหม่ ลำปาง พะเยา น่าน แพร่ ตาก บึงกาฬ สกลนคร อุดรธานี นครพนม มุกดาหาร นครราชสีมา ศรีสะเกษ อุบลราชธานี นครนายก ปราจีนบุรี ตราด สุราษฎร์ธานี และจังหวัดกระบี่ ขอให้พิจารณาบริหารจัดการน้ำเขื่อนสิริกิติ์และเขื่อนผาจุก จังหวัดอุตรดิตถ์  เขื่อนนเรศวร จังหวัดพิษณุโลก ให้สอดคล้องกับสถานการณ์เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบหรือเกิดผลกระทบน้อยที่สุด

พร้อมทั้งให้เฝ้าระวังระดับน้ำเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลัน ระดับน้ำล้นตลิ่ง และท่วมขังในพื้นที่ลุ่มต่ำ บริเวณแม่น้ำสายหลักและลำน้ำสาขาของแม่น้ำอิง บริเวณอำเภอเชียงคำ เทิง พญาเม็งราย ขุนตาล และเชียงของ จังหวัดเชียงราย และแม่น้ำยม บริเวณอำเภอบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก รวมถึง ระวังกิจกรรมการใช้น้ำและการสัญจรทางน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาด้านท้ายเขื่อน บริเวณจังหวัดอ่างทองและพระนครศรีอยุธยา เนื่องจากการปรับเพิ่มการระบายน้ำเขื่อนเจ้าพระยา

ทั้งนี้ สทนช. ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ติดตามสภาพอากาศและสถานการณ์น้ำอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีฝนตกสะสมมากกว่า90 มิลลิเมตร ตลอด 24 ชั่วโมง และพื้นที่จุดเสี่ยงที่เคยเกิดน้ำท่วม รวมถึง พื้นที่เกิดน้ำท่วมขังอยู่เป็นประจำเนื่องจากระบายไม่ทัน ควบคู่กับตรวจสอบซ่อมแซมแนวคันบริเวณริมแม่น้ำและเร่งกำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำ พร้อมวางแผนการบริหารจัดการน้ำให้เหมาะสม ปรับการบริหารจัดการน้ำในแหล่งเก็บกักน้ำขนาดใหญ่ ขนาดกลาง ขนาดเล็ก น้ำในลำน้ำ รวมถึง เขื่อนระบายน้ำและประตูระบายน้ำให้สอดคล้องกันตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำและอิทธิพลของการขึ้น – ลงของน้ำทะเล ด้วยการเร่งระบายและพร่องน้ำรองรับสถานการณ์ฝนที่คาดว่าจะตกหนัก

ข่าวที่เกี่ยวข้อง