นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นำคณะผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์ ลงพื้นที่ปฏิบัติราชการในจังหวัดยะลา ติดตามศักยภาพการผลิตและการส่งออกสินค้าสำคัญของภาคใต้ ทั้งการรับซื้อทุเรียนสดและการส่งออกทุเรียนแช่แข็ง ซึ่งเป็นสินค้าหลักในการสร้างรายได้และการส่งออกของประเทศ พร้อมเดินหน้าขับเคลื่อนนโยบาย “พาณิชย์พึ่งได้” และ “ไทยทำ ไทยใช้ ไทยช่วยไทย” สร้างความมั่นใจให้กับเกษตรกรและผู้ประกอบการไทย
สำหรับการลงพื้นที่จังหวัดยะลา นายจตุพรและคณะ เยี่ยมชม “ล้งโกชาน” ซึ่งถือเป็นจุดรับซื้อทุเรียนใหญ่ที่สุดของจังหวัด มีกำลังรับซื้อเฉลี่ยวันละ 180 ตัน หรือประมาณ 7,000 ตันต่อปี โดยทุเรียนจากเบตงขึ้นชื่อเรื่อง “ทุเรียนสะเด็ดน้ำ” ที่มีรสชาติหอมเป็นเอกลักษณ์และได้รับความนิยมสูงในตลาดต่างประเทศ
โกชาน หรือคุณประเสริฐ คณานุรักษ์ เจ้าของล้ง เปิดเผยว่า ช่วง 2–3 ปีที่ผ่านมา ล้งไม่ได้ทำหน้าที่เพียงผู้รับซื้อเท่านั้น แต่ยังเป็นที่ปรึกษาให้เกษตรกรเรื่องการตั้งราคาและช่วงเวลาการตัดผลผลิต เพื่อลดต้นทุนการขนส่งและสร้างความมั่นใจให้ชาวสวนว่ามีตลาดรองรับอย่างต่อเนื่อง โดยเครือข่ายการส่งออกครอบคลุมทั้งจีน ออสเตรเลียและยุโรป ผ่านผู้ประกอบการรายใหญ่หลายราย
นายจตุพร พบปะพูดคุยกับชาวสวนในพื้นที่ พร้อมรับฟังปัญหาเรื่องต้นทุนการผลิต ทั้งค่าปุ๋ยและค่ายาฆ่าแมลง และยืนยันว่าจะนำ “สินค้าธงเขียว” ราคาถูกเข้ามาช่วยลดภาระต้นทุนให้เกษตรกร นอกจากนี้ ยังได้ประสานผู้ประกอบการให้ปรับราคารับซื้อทุเรียนในพื้นที่เบตงจาก 85 บาทเป็น 90 บาทต่อกิโลกรัมทันที โดยผู้รับซื้อได้ประกาศเปลี่ยนป้ายราคา ณ จุดรับซื้อ ต่อหน้าชาวสวนที่มาส่งทุเรียนในวันเดียวกัน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ย้ำว่า กระทรวงพร้อมเดินหน้าขยายตลาดใหม่ทั้งในเอเชีย ตะวันออกกลาง ยุโรปและอเมริกา ผ่านกิจกรรมเจรจาการค้า งานแสดงสินค้านานาชาติและการทำตลาดเชิงรุก เพื่อกระจายความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสการค้าให้ผู้ประกอบการไทย เป้าหมายคือทำให้เกษตรกรและผู้ประกอบการมั่นใจได้ว่า พาณิชย์พึ่งได้จริง
โดยข้อมูลการส่งออกทุเรียนของไทย (มกราคม – มิถุนายน 2568) ปริมาณการส่งออกทั้งหมด 673,668 ตัน มูลค่า 2,918.62 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 70,802.02 ล้านบาท) หดตัวร้อยละ 2.67 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2567 สำหรับสัดส่วนการส่งออกสินค้า แบ่งเป็น ทุเรียนสด: 90.67% ทุเรียนแช่เย็นจนแข็ง: 9.01% ทุเรียนกวนและอบแห้ง: 0.31% โดยตลาดหลัก ได้แก่ 1.จีน (96.77%) 2.ฮ่องกง (0.83%) และ 3.มาเลเซีย (0.78%) ตลาดที่มีอัตราการขยายตัวสูงได้แก่ มาเลเซีย (ทุเรียนสด +1,984%) สหรัฐอเมริกา (ทุเรียนแช่เย็น/แช่แข็ง +150%) และไต้หวัน (ทุเรียนแช่เย็น/แช่แข็ง +143%) เป็นต้น