นายรัฐพล ภักดีภูมิ ประธานกรรมการ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ย้ำแนวทางการขับเคลื่อนงานในปีนี้ จะมี 2 งานสำคัญ ตามนโยบายของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) คือ การเปลี่ยนแปลงระบบโครงสร้างพื้นฐานที่อยู่ของประเทศครั้งสำคัญ เรียกว่า ระบบ D/ID (ดี-ไอดี) จ่าหน้าแบบดิจิทัล ที่สามารถแปลงข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ส่งและผู้รับ ให้เป็นรหัส 6 หลัก ระบุสถานที่เฉพาะ จากเดิม 5 หลัก และการช่วยเหลือ SMEs ไทยให้มากขึ้น ผ่านแพลตฟอร์มของไปรษณีย์ไทย ที่จะสร้างให้เป็นมาร์เก็ตเพลสออนไลน์ เพื่อเป็นช่องทางการสร้างรายได้และเข้าถึงตลาดใหม่
นายดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ย้ำว่าปีนี้รายได้ธุรกิจกลับมาแข็งแกร่ง หลังจากปีที่แล้วรายได้รวมอยู่ที่ 22,000 ล้านบาท ขาดทุนเล็กน้อยประมาณ 180 ล้านบาท จากต้นทุนค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นตามนโยบายรัฐ แต่รายได้รวมในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้ สูงถึง 11,544 ล้านบาท เติบโตถึง 8.88% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิกว่า 631 ล้านบาท เติบโตสูงถึง 362.34% โดยกลุ่มธุรกิจที่สร้างรายได้สูงสุดคือ ขนส่งและโลจิสติกส์ คิดเป็นสัดส่วน 46.83% ของรายได้ทั้งหมด และครึ่งปีหลังเดินหน้าขับเคลื่อนองค์กรให้สามารถเลี้ยงตัวเองได้โดยไม่เป็นภาระของภาครัฐ ตามภารกิจหลักเพื่อให้บริการสังคมและผู้ประกอบการ
โดยในโอกาสครบรอบ 142 ปี ไปรษณีย์ไทย วางกลยุทธ์ “1-4-2” ด้วยการขับเคลื่อนองค์กรให้เป็น ขนส่งอันดับ “1” ของไทย ทั้งเรื่องคุณภาพและเครือข่าย ที่ครอบคลุมทั่วประเทศกว่า 50,000 แห่ง เพื่อยกระดับองค์กร สู่ Tech Post อย่างเต็มรูปแบบ ด้วยการนำเทคโนโลยี AI มาใช้ในทุกมิติ โดยเฉพาะการเพิ่มประสิทธิภาพบริการขนส่ง
“4” พลัง ขับเคลื่อนองค์กรด้วย พลังความเร็วรวดเร็ว-แม่นยำ พลังเพื่อธุรกิจ รองรับภาคธุรกิจตั้งแต่รายเล็ก-รายใหญ่ พลังเชื่อมโลก ใน 205 ปลายทาง 193 ประเทศ และพลังความล้ำ สู่ดิจิทัล เตรียมเปิดตัว Super App รวมบริการไว้ในแพลตฟอร์มเดียวอย่างครบวงจร และระบบ D/ID (ดี-ไอดี) จ่าหน้าแบบดิจิทัล ที่สามารถแปลงข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ส่งและผู้รับ ให้เป็นรหัส 6 หลัก ซึ่ง 2 บริการนี้ จะเปิดตัวในเดือนกันยายน 2568
และ “2” แกนหลัก ขับเคลื่อนธุรกิจ พร้อมกับการดูแลสังคมอย่างยั่งยืน ผลักดันโครงการ Green Hub นำรถไฟฟ้ามาใช้ในระบบงานและ ปรับเปลี่ยนเครื่องแบบเจ้าหน้าที่ไปรษณีย์ไทย ด้วยผ้าที่ใช้กรรมวิธีช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ขณะที่ในด้านสังคม มีการสร้างงาน สร้างอาชีพ รวมทั้งสนับสนุนบริการเชิงสังคม เช่น ช่วยเกษตรกรไทยกระจายสินค้าและเปิดแคมเปญชวนคนไทย ร่วมส่งสิ่งของช่วยเหลือผู้ประสบภัยชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งมีน้ำใจคนไทย ส่งผ่านไปรษณีย์ไทยแล้วกว่า 34,302 กล่อง รวมน้ำหนัก 104,365 กิโลกรัม รวมไปถึงด้านธรรมาภิบาล มุ่งสู่การดำเนินธุรกิจที่ถูกต้อง โปร่งใสและตรวจสอบได้
