ครม. อนุมัติ 6.1 หมื่นล้าน รักษาเสถียรภาพราคาข้าวเปลือก และช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปรัง-นาปี ปี 68/69 ไร่ละ 1,000 บาท

คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบมาตรการรักษาเสถียรภาพราคาข้าวเปลือก ปีการผลิต 2568/69 และอนุมัติกรอบวงเงินงบประมาณ วงเงินรวมทั้งสิ้น 61,697.06 ล้านบาท จำแนกเป็นวงเงินสินเชื่อ 51,232.50 ล้านบาท วงเงินจ่ายขาด 10,464.56 ล้านบาท ตามที่กระทรวงพาณิชย์ เสนอ ดังนี้

1. โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2568/69 วงเงินงบประมาณรวมทั้งสิ้น 45,398.81 ล้านบาท จำแนกเป็น วงเงินสินเชื่อ 36,232.50 ล้านบาท และวงเงินจ่ายขาด  9,166.31 ล้านบาท จำแนกวงเงินจ่ายขาดเป็น (1) ค่าฝากเก็บ 4,500 ล้านบาท (2) วงเงินชดเชย 2,130.04 ล้านบาท และ (3) กรณีมีการระบายข้าวโครงการฯ รัฐจ่ายคืนและชดเชยให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) วงเงิน 2,536.27 ล้านบาท โดยใช้แหล่งเงินทุน ธ.ก.ส. และ ธ.ก.ส. ขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีต่อไป

โดยวัตถุประสงค์และเป้าหมาย เพื่อชะลอข้าวเปลือกไว้ในยุ้งฉางเกษตรกรและสถาบันเกษตรกร จำนวน 3 ล้านตันข้าวเปลือก

ผู้เข้าร่วมโครงการ ประกอบด้วย เกษตรกรผู้ปลูกข้าวที่ขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปีกับกรมส่งเสริมการเกษตรและผลผลิตข้าวเปลือกเป็นกรรมสิทธิ์ของตนเอง และสถาบันเกษตรกร ประกอบด้วย สหกรณ์การเกษตร ชุมนุมสหกรณ์การเกษตร กลุ่มเกษตรกรวิสาหกิจชุมชน และศูนย์ข้าวชุมชน

วิธีการดำเนินโครงการ

– ธ.ก.ส. จ่ายสินเชื่อตามโครงการเกษตรกรและสถาบันเกษตรกรในพื้นที่ปลูกข้าวทุกจังหวัดทั่วประเทศที่เข้าร่วมโครงการ เพื่อชะลอข้าวเปลือกไว้ในยุ้งฉางเกษตรกรและสถาบันเกษตรกร

– ผู้เข้าร่วมโครงการจะได้รับค่าฝากเก็บและรักษาคุณภาพข้าวในอัตรา 1,500 บาทต่อตันข้าวเปลือก โดยเกษตรกรที่เก็บข้าวเปลือกในยุ้งฉางตนเองได้รับเต็มจำนวน สำหรับสถาบันเกษตรกรที่รับซื้อข้าวเปลือกเข้าโครงการได้รับในอัตรา 1,000 บาทต่อตันข้าวเปลือก และเกษตรกรผู้ขายข้าวได้รับในอัตรา 500 บาทต่อตันข้าวเปลือก

– กรณีราคาข้าวเปลือกในตลาดต่ำกว่าราคาข้าวเปลือกที่ให้สินเชื่อ ธ.ก.ส. จะดำเนินการระบายข้าวเปลือกและสำรองจ่ายค่าขนย้ายข้าวเปลือกไปก่อน โดยรัฐจะชดเชยต้นทุนเงินให้ ธ.ก.ส.

สำหรับวงเงินสินเชื่อต่อตันตามประเภทข้าวเปลือก ที่เสนอขอในครั้งนี้

  • ข้าวเปลือกหอมมะลิ 13,000 บาทต่อตัน (เดิม 12,500 บาทต่อตัน)
  • ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ 11,500 บาทต่อตัน (เดิม 11,000 บาทต่อตัน)
  • ข้าวเปลือกเจ้า 8,000 บาทต่อตัน (เดิม 9,000 บาทต่อตัน)
  • ข้าวเปลือกปทุมธานี 9,000 บาทต่อตัน (เดิม 10,000 บาทต่อตัน)
  • ข้าวเปลือกเหนียว 10,000 บาทต่อตัน (เท่าเดิม)

สำหรับอัตราดอกเบี้ย ร้อยละ 4.50 ต่อปี (รัฐบาลรับภาระดอกเบี้ยแทนเกษตรกรและสถาบันเกษตรกรผู้กู้) การชดเชยค่าใช้จ่ายในการระบายข้าวเปลือก ไม่เกินร้อยละ 7 ของวงเงินสินเชื่อ (จากเดิม
ไม่เกินร้อยละ 5) ระยะเวลาโครงการ ตั้งแต่คณะรัฐมนตรีมีมติ ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2569 โดยหน่วยงานที่รับผิดชอบ ได้แก่ กรมการค้าภายใน กรมการข้าว กรมส่งเสริมสหกรณ์ กรมส่งเสริมการเกษตร กรมตรวจบัญชีสหกรณ์และ ธ.ก.ส.

2. โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร ปีการผลิต 2568/69 วงเงินงบประมาณรวมทั้งสิ้น 15,656.25 ล้านบาท จำแนกเป็น วงเงินสินเชื่อ 15,000 ล้านบาท วงเงินจ่ายขาด 656.25 ล้านบาท  โดยใช้แหล่งเงินทุน ธ.ก.ส. และ ธ.ก.ส. ขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีต่อไป

วัตถุประสงค์และเป้าหมาย เพื่อสนับสนุนสินเชื่อแก่สถาบันเกษตรกร เพื่อรวบรวมข้าวเปลือก เพื่อจำหน่ายหรือเพื่อการแปรรูปและสร้างมูลค่าเพิ่ม จำนวน 1.5 ล้านตันข้าวเปลือก

ผู้เข้าร่วมโครงการคือ สถาบันเกษตรกร ประกอบด้วย สหกรณ์การเกษตร กลุ่มเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน และศูนย์ข้าวชุมชน

ระยะเวลาโครงการ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2568 – 31 ธันวาคม 2569 หน่วยงานที่รับผิดชอบ ได้แก่ กรมการค้าภายใน กรมการข้าว กรมส่งเสริมสหกรณ์ กรมส่งเสริมการเกษตร กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ และ ธ.ก.ส.

3. โครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อกปีการผลิต 2568/69 วงเงินรวมทั้งสิ้น 642 ล้านบาท โดยให้ใช้จ่ายจากกองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรในโอกาสแรกก่อน หากไม่เพียงพอให้กรมการค้าภายในเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป

วัตถุประสงค์และเป้าหมาย เพื่อส่งเสริมสินเชื่อให้แก่ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต๊อกและดูดซับผลผลิตในช่วงที่ผลผลิตออกสู่ตลาดมากและเพื่อให้เกษตรกรสามารถจำหน่ายข้าวได้ในราคาที่เหมาะสม จำนวน 4 ล้านตันข้าวเปลือก

ผู้เข้าร่วมโครงการ ผู้ประกอบการค้าข้าวที่เข้าร่วมโครงการเก็บสต๊อกในรูปข้าวเปลือกและข้าวสาร ตามระยะเวลาที่เก็บสต๊อกไว้ 60 – 180 วัน นับแต่วันที่รับซื้อ

ระยะเวลาโครงการ ตั้งแต่คณะรัฐมนตรีมีมติ จนถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2570

หน่วยงานที่รับผิดชอบ กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์

ครม. อนุมัติ โครงการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าว วงเงินรวม 45,204 ล้านบาท

นอกจากนี้ ครม. ยังได้อนุมัติโครงการสนับสนุนเงินช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปรัง ปี 2568 และโครงการสนับสนุนช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปี ปีการผลิต 2568/69 เพื่อส่งเสริมการเพาะปลูกให้เหมาะสมกับศักยภาพพื้นที่ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เสนอ ดังนี้

1. อนุมัติยกเว้นการไม่ถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2566 (เรื่อง การจัดทำมาตรการ/โครงการ เพื่อสนับสนุนหรือให้ความช่วยเหลือเกษตรกร) ในกรณีให้ทุกหน่วยงานหลีกเลี่ยงการดำเนินการในลักษณะการให้เงินอุดหนุน ช่วยเหลือ ชดเชย หรือประกันราคาสินค้าเกษตรโดยตรงแก่เกษตรกร เฉพาะสินค้าข้าว

2. เห็นชอบโครงการสนับสนุนเงินช่วยเหลือเกษตรกร วงเงินรวม 45,204 ล้านบาท ได้แก่

2.1 โครงการฯ นาปรัง ปี 2568 วงเงิน 7,286.77 ล้านบาท โดยใช้แหล่งเงินทุน ธ.ก.ส. และ ธ.ก.ส. ขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีต่อไป ทั้งนี้ ให้ดำเนินการช่วยเหลือข้าวนาปรัง เฉพาะปี 2568 เท่านั้น โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนและส่งเสริมให้เกษตรกรมีรายได้เพียงพอต่อการดำรงชีพ  ลดค่าใช้จ่ายในการเพาะปลูกข้าว รวมถึงสนับสนุนให้เกษตรกรมีแรงจูงใจในการพัฒนาประสิทธิภาพและคุณภาพของการผลิตข้าว กลุ่มเป้าหมาย 0.861 ล้านครัวเรือน จากเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนกับกรมส่งเสริมการเกษตรประมาณ 5.491 ล้านครัวเรือน โดยเกษตรกรจะได้รับเงินช่วยเหลือไร่ละ 1,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 10 ไร่หรือครัวเรือนละไม่เกิน 10,000 บาท โดย ธ.ก.ส. จะโอนเงินช่วยเหลือเข้าบัญชีเงินฝากของเกษตรกรที่ได้รับสิทธิ

2.2 โครงการฯ นาปี ปีการผลิต 2568/69 วงเงิน 37,917.23 ล้านบาท โดยใช้แหล่งเงินทุน ธ.ก.ส. และ ธ.ก.ส. ขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีต่อไป ซึ่งโครงการมีวัตถุประสงค์ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนและส่งเสริมให้เกษตรกรมีรายได้เพียงพอต่อการดำรงชีพ ลดค่าใช้จ่ายในการเพาะปลูกข้าว รวมถึงสนับสนุนให้เกษตรกรมีแรงจูงใจในการพัฒนาประสิทธิภาพและคุณภาพของการผลิตข้าว กลุ่มเป้าหมาย 4.63 ล้านครัวเรือน จากเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนกับกรมส่งเสริมการเกษตรประมาณ 5.491 ล้านครัวเรือน โดยเกษตรกรจะได้รับเงินช่วยเหลือไร่ละ 1,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 10 ไร่หรือครัวเรือนละไม่เกิน 10,000 บาท โดย ธ.ก.ส. จะโอนเงินช่วยเหลือเข้าบัญชีเงินฝากของเกษตรกรที่ได้รับสิทธิ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง