ชุดข้อมูลการช่วยเหลือสถานการณ์ไทย-กัมพูชา “รวมใจไทยหนึ่งเดียว”

ชุดข้อมูลการช่วยเหลือสถานการณ์ไทย-กัมพูชา

 “รวมใจไทยหนึ่งเดียว”

ประจำวันที่ 23 สิงหาคม 2568

โดย กองส่งเสริมการประชาสัมพันธ์ภาครัฐ กรมประชาสัมพันธ์

กรมบัญชีกลางอนุมัติบำนาญพิเศษ ให้ทายาทของกำลังพลที่เสียชีวิตจากการปฏิบัติภารกิจป้องกันประเทศชายแดนไทย-กัมพูชา ผู้มีสิทธิรวม 40 ราย ขั้นต่ำรายละ 11,000 บาทต่อเดือน

(21 ส.ค. 68) กรมสารบรรณทหารบก กองบัญชาการกองทัพบก แจ้งว่า กรมบัญชีกลางอนุมัติบำนาญพิเศษ ให้ทายาทของกำลังพลที่เสียชีวิตจากการปฏิบัติภารกิจป้องกันประเทศ ชายแดนไทย – กัมพูชา ซึ่งมีกำลังพลเสียชีวิต 15 นาย ทายาทผู้มีสิทธิ 40 ราย โดยจะได้รับบำนาญพิเศษรายเดือน (รวม ช.ค.บ. : เงินช่วยค่าครองชีพ) ขั้นต่ำรายละ 11,000 บาท โดยมีเงื่อนไข ดังนี้

– บิดามารดา ได้รับตลอดชีวิต

– คู่สมรส รับจนกว่าจะ จดทะเบียนสมรสใหม่

– บุตร รับจนถึงอายุ 20 ปีบริบูรณ์ กรณีศึกษาต่อรับถึง 25 ปีบริบูรณ์

สำหรับทายาทท่านใดเป็นข้าราชการหรือลูกจ้างของทางส่วนราชการอยู่แล้ว หรือเป็นข้าราชการ หรือลูกจ้างของทางราชการภายหลังได้รับบำนาญพิเศษ ให้งดเบิกเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ (ช.ค.บ.)

นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2568 ที่ประชุม ครม. มีมติเห็นชอบมาตรการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากกรณีเหตุการณ์สถานการณ์บริเวณชายแดนไทย – กัมพูชา ตามที่สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เสนอ โดยมีรายละเอียดสำคัญ ดังนี้

1. เห็นชอบหลักเกณฑ์ให้เงินเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย – กัมพูชา ตั้งแต่วันที่ 16 กรกฎาคม 2568 จนกว่าสถานการณ์จะเข้าสู่ภาวะปกติ

2. เห็นชอบกรอบอัตราเงินเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบฯ (ต่อราย) ดังนี้

    – เจ้าหน้าที่รัฐ (เช่น ทหาร ทหารพราน ตำรวจ ตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.)) เสียชีวิต / ทุพพลภาพ 10 ล้านบาท บาดเจ็บสาหัส 1 ล้านบาท (เข้ารับการตรวจรักษาที่โรงพยาบาลและนอนพักรักษาตัวในโรงพยาบาลเกิน 20 วัน) บาดเจ็บมาก 5 แสนบาท (เข้ารับการตรวจรักษาที่โรงพยาบาลและนอนพักรักษาตัวในโรงพยาบาลตั้งแต่ 2 วัน แต่ไม่เกิน 20 วัน)

    – ประชาชน เสียชีวิต / ทุพพลภาพ 8 ล้านบาท บาดเจ็บสาหัส 8 แสนบาท (เข้ารับการตรวจรักษาที่โรงพยาบาลและนอนพักรักษาตัวในโรงพยาบาลเกิน 20 วัน) บาดเจ็บมาก 4 แสนบาท (เข้ารับการตรวจรักษาที่โรงพยาบาลและนอนพักรักษาตัวในโรงพยาบาลตั้งแต่ 2 วัน แต่ไม่เกิน 20 วัน)

“ธีรรัตน์” เร่งปรับเกณฑ์เยียวยาช่วยประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา

(22 ส.ค. 68) นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวานิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ยืนยันว่ารัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ การดำเนินมาตรการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุความไม่สงบชายแดนไทย–กัมพูชา ได้ดำเนินการช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนตั้งแต่เริ่มเกิดเหตุ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนทุกครอบครัวให้ครบถ้วนมากที่สุด ทั้งการซ่อมแซมบ้าน ในจังหวัดสุรินทร์ อุบลราชธานี บุรีรัมย์ และศรีสะเกษ สำหรับบ้านที่เสียหายทั้งหลัง ภาคเอกชนได้ร่วมสนับสนุน เช่น การมอบบ้านน็อคดาวน์ เพื่อใช้เป็นที่พักอาศัยชั่วคราวจนกว่าการซ่อมแซมจะแล้วเสร็จ อนุมัติการช่วยเหลือค่าน้ำ ค่าไฟ ในเดือนกรกฎาคม–สิงหาคม 2568 เพื่อบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายครัวเรือนที่อพยพไปอยู่ในศูนย์พักพิง

โดยเน้นย้ำว่า เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นภัยรูปแบบใหม่ที่แตกต่างจากภัยธรรมชาติทั่วไป ตลอดเวลากว่า 1 เดือนนับจากเกิดเหตุ รัฐบาลสามารถขับเคลื่อนงานได้อย่างต่อเนื่อง ทันท่วงทีและไม่สะดุด สำหรับการช่วยเหลือเยียวยาประชาชนรัฐบาลได้อนุมัติวงเงินช่วยเหลือ ทั้งนี้ ยอมรับว่ายังมีบางส่วนที่ไม่สามารถใช้เกณฑ์การเยียวยาแบบเดิมได้ เนื่องจากสถานการณ์ในครั้งนี้มีลักษณะการอพยพประชาชน ซึ่งแตกต่างจากเหตุการณ์ดินโคลนถล่มหรือน้ำท่วมที่ผ่านมา ดังนั้น ขณะนี้จึงอยู่ระหว่างการปรับปรุงหลักเกณฑ์การจ่ายเงินเยียวยาและมาตรการช่วยเหลือต่างๆ เพิ่มเติม ให้สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริงของภัยพิบัติ เพื่อให้ประชาชนทุกครอบครัวที่ได้รับผลกระทบสามารถเข้าถึงความช่วยเหลือได้อย่างรวดเร็ว ครอบคลุมและเป็นธรรม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง