นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จากการติดตามสถานการณ์ความไม่สงบบริเวณพื้นที่ชายแดนไทย–กัมพูชา พบว่าประชาชนจำนวนมากต้องเผชิญกับความกดดันทั้งร่างกายและจิตใจ ไม่ว่าจะเป็นความหวาดกลัว การพลัดพรากจากครอบครัว การอยู่ห่างถิ่นที่อยู่อาศัย รวมถึงการสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ส่งผลต่อภาวะสุขภาพจิตอย่างรุนแรง
ปัจจัยที่กระทบต่อสุขภาพจิต ได้แก่ ความไม่แน่นอนของสถานการณ์ การพลัดพรากและการสูญเสีย แรงกดดันทางเศรษฐกิจ สภาพแวดล้อมที่ไม่เอื้อต่อการฟื้นฟู และผลกระทบจากการรับข่าวสารซ้ำ ๆ หรือข่าวลือที่ไม่เป็นจริง หากไม่ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม อาจนำไปสู่ภาวะเครียดเรื้อรังหรือโรคซึมเศร้า
กรมสุขภาพจิตแนะนำให้ประชาชนสังเกตสัญญาณความเครียด เช่น นอนไม่หลับ เบื่ออาหาร หงุดหงิดง่าย ใจสั่น หรือถอนตัวจากสังคม พร้อมแนะนำวิธีดูแลตนเองเบื้องต้น ได้แก่ พักผ่อนให้เพียงพอ จำกัดการเสพข่าวที่กระทบใจ ทำกิจกรรมที่ผ่อนคลาย พูดคุยกับคนที่ไว้ใจ และขอคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญผ่านสายด่วนสุขภาพจิต 1323 นอกจากนี้ การสร้างกิจวัตรประจำวันที่มีความหมาย เช่น การทำสิ่งเล็ก ๆ ที่สำเร็จได้ในแต่ละวัน จะช่วยเสริมกำลังใจและความรู้สึกควบคุมชีวิต
รัฐบาลขอให้พี่น้องประชาชน โดยเฉพาะในพื้นที่ชายแดน หมั่นเฝ้าระวังสุขภาพจิตของตนเองและคนใกล้ชิด ใช้ความเข้าใจและการเห็นอกเห็นใจเป็นพื้นฐานของการช่วยเหลือ เพื่อให้สังคมไทยผ่านพ้นความตึงเครียดครั้งนี้ไปได้อย่างปลอดภัยและเข้มแข็ง หากรู้สึกเครียด สามารถโทรสายด่วนสุขภาพจิต 1323 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง