ชุดข้อมูลการช่วยเหลือสถานการณ์ไทย-กัมพูชา “รวมใจไทยหนึ่งเดียว”รัฐบาลไม่ทอดทิ้งประชาชน

ชุดข้อมูลการช่วยเหลือสถานการณ์ไทย-กัมพูชา

 “รวมใจไทยหนึ่งเดียว”

ประจำวันที่ 24 สิงหาคม 2568

โดย กองส่งเสริมการประชาสัมพันธ์ภาครัฐ กรมประชาสัมพันธ์

“ภูมิธรรม” ย้ำ รัฐบาลไม่ทอดทิ้งประชาชน เดินหน้าช่วยเหลือชายแดนไทย-กัมพูชา เร่งเบิกจ่ายเยียวยาและฟื้นฟูบ้านเรือนโดยเร็วที่สุด

(23 ส.ค. 68) นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของพี่น้องประชาชน โดยรัฐบาลได้มีการประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินฯ ในพื้นที่ 7 จังหวัดชายแดน 45 อำเภอ 336 ตำบล 4,081 หมู่บ้าน (จ.อุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ สระแก้ว จันทบุรี และ ตราด) เพื่อให้มีการเบิกจ่ายงบประมาณช่วยเหลือเยียวยาประชาชนได้อย่างรวดเร็วและครบถ้วน

จากข้อมูลสำรวจความเสียหายของ ศบ.ทก.มท. (ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา กระทรวงมหาดไทย) มีจำนวนครัวเรือนได้รับผลกระทบ 315,476 ครัวเรือน และประชาชนได้รับผลกระทบ 779,379 คน โดยกระทรวงมหาดไทยได้ดำเนินการให้ความช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบ รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 617,335,499.77 บาท โดยแบ่งเป็น กรณีผู้เสียชีวิต ได้ให้การช่วยเหลือ 17 ราย เป็นจำนวนเงิน 18,108,658.57 บาท กรณีผู้บาดเจ็บ ได้ให้การช่วยเหลือ 36 ราย เป็นจำนวนเงิน 351,788 บาท

ในส่วนของการใช้จ่ายเงินทดรองราชการ เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินในอำนาจผู้ว่าราชการจังหวัด รวม 201,371,391 บาท แบ่งเป็น วงเงินเชิงป้องกันหรือยับยั้งภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (10 ล้านบาท) ได้ดำเนินการไปแล้วทั้งสิ้น 2,952,600 บาท เป็นค่าซ่อมแซมและก่อสร้างหลุมหลบภัย ใน จ.สุรินทร์ วงเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัย (20 ล้านบาท และวงเงินขยาย 100 ล้านบาท) ได้ดำเนินการไปแล้วทั้งสิ้น 198,418,791 บาท สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในการช่วยเหลือด้านการดำรงชีพ และด้านการปฏิบัติงาน ใน 6 จังหวัด (จ.บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ สุรินทร์ อุบลราชธานี สระแก้ว และ ตราด)

กระทรวงมหาดไทย ได้เร่งดำเนินการช่วยเหลือซ่อมแซมบ้านที่ได้รับความเสียหายแล้วเสร็จ 533 หลัง เป็นจำนวน 18,668,372 บาท และได้มีการแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในส่วนของค่าไฟฟ้า โดย การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ให้ประชาชน จำนวน 278,506 ราย เป็นจำนวนเงิน 392,000,000 บาท และช่วยเหลือค่าน้ำประปา โดย การประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) ให้แก่ประชาชนจำนวน 21,361 ราย และ 138 ศูนย์พักพิงชั่วคราวเป็นจำนวนเงิน 10,893,597.77 บาท

นายภูมิธรรม เน้นย้ำว่า รัฐบาลและกระทรวงมหาดไทยให้ความสำคัญสูงสุดต่อการบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่ชายแดน โดยได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการดำเนินการอย่างรอบด้าน ทั้งการจ่ายเงินเยียวยาผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บให้ครบถ้วนตามสิทธิ การดูแลความปลอดภัย สำรวจความเสียหาย การซ่อมแซมฟื้นฟูบ้านเรือนที่ได้รับความเสียหายให้แล้วเสร็จโดยเร็ว และจัดสรรงบประมาณเพื่อช่วยเหลือการดำรงชีพอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งติดตามประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อให้ทุกครัวเรือนสามารถได้รับความช่วยเหลืออย่างทั่วถึงและเป็นธรรมมากที่สุด

“พีระพันธุ์” มอบเงินกองทุนช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย เยียวยาและให้กำลังใจแก่ทหารกล้าผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากเหตุปะทะชายแดนไทย–กัมพูชา

(23 ส.ค. 68) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในฐานะประธานกองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี มอบเงินเยียวยาจากเหตุปะทะชายแดนไทย–กัมพูชา จากกองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี ณ โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า โดยมีนางยุพา ทวีวัฒนะกิจบวร ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะเลขานุการกองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี เข้าร่วมส่งมอบกำลังใจด้วย

โดยกองทุนช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี ได้มอบเงินช่วยเหลือให้แก่เจ้าหน้าที่ทหาร ผู้ทุพพลภาพ จำนวน 3 ราย รายละ 700,000 บาท และทางคณะกรรมการกองทุนฯ กำลังติดตามเร่งรัดการช่วยเหลืออีกจำนวน 9,300,000 บาท จากงบประมาณรายจ่ายงบกลางฯ ตามมติคณะรัฐมนตรี เพื่อเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากกรณีเหตุการณ์สถานการณ์บริเวณชายแดนไทย – กัมพูชา

การมอบเงินเยียวยาครั้งนี้ มีขึ้นเพื่อช่วยเหลือทหารผู้กล้าหาญที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจนถึงขั้นทุพพลภาพ จากเหตุการณ์ปะทะบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา โดยรัฐบาลได้มอบเงินเยียวยาให้แก่ผู้ประสบเหตุและครอบครัวอย่างเป็นทางการ เพื่อบรรเทาภาระค่าใช้จ่าย ทั้งด้านการรักษาพยาบาลและการดำรงชีวิตประจำวัน ซึ่งสะท้อนถึงความห่วงใยของรัฐบาลที่มีต่อความปลอดภัยและคุณภาพชีวิตของประชาชน ตลอดจนแสดงถึงความมุ่งมั่นของภาครัฐในการดูแลและยืนหยัดเคียงข้างประชาชนในทุกสถานการณ์ เพื่อสร้างความมั่นใจว่ารัฐบาลจะไม่ทอดทิ้งผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

ทีมปฏิบัติการ ปภ. อุบลราชธานี สนับสนุนภารกิจรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่โดนระเบิดจากเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา

 (22 ส.ค. 68) ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 13 อุบลราชธานี กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นำกำลังเจ้าหน้าที่และเครื่องจักรกลสาธารณภัย ได้แก่ รถแม็คโครและรถบรรทุก เข้าสนับสนุนการปฏิบัติภารกิจรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างร้านสะดวกซื้อภายในปั้มน้ำมัน ปตท.บ้านผือ อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งเสียหายจากแรงระเบิดในเหตุการณ์ปะทะกันที่บริเวณชายแดน ไทย-กัมพูชา เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2568

สำหรับการปฏิบัติรื้อถอนในครั้งนี้ ปภ. ได้ร่วมกับหน่วยทหารในพื้นที่และจิตอาสาพระราชทานในการวางแผนการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง และช่วยขนย้ายไปยังพื้นที่ที่จัดเตรียมไว้ ทั้งนี้ ทีมปฏิบัติการ ปภ. ยังคงกระจายกำลังดูแล ช่วยเหลือ และอำนวยความสะดวกให้กับพี่น้องประชาชนในพื้นที่บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา เพื่อฟื้นฟูพื้นที่ และเตรียมความพร้อมสำหรับสนับสนุนการปฏิบัติแนวหลังในการดูแลประชาชน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง