“รองนายกฯ ประเสริฐ” สั่ง สทนช. บูรณาการทุกหน่วยรับมือพายุ “คาจิกิ” กรมชลฯ ยกระดับเฝ้าระวัง 24–28 ส.ค.

กรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศเตือน พายุโซนร้อน “คาจิกิ” คาดว่าจะเคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณประเทศเวียดนาม และประเทศลาวตอนบน ในช่วงวันที่ 25 – 26 สิงหาคม 2568 ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังแรงขึ้น จากอิทธิพลดังกล่าว ทำให้ในช่วงวันที่ 24 – 27 สิงหาคม 2568 ประเทศไทยจะมีฝนเพิ่มมากขึ้น และมีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่กับมีลมแรงบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ขอให้ประชาชนติดตามประกาศจากกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิด ที่เว็บไซต์ กรมอุตุนิยมวิทยา http://www.tmd.go.th หรือโทร 0-2399-4012-13 และ 1182 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

จังหวัดที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบจากฝนตกหนักถึงหนักมาก มีดังนี้

วันที่ 24 สิงหาคม 2568

ภาคเหนือ: จังหวัดลำปาง น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ สุโขทัย ตาก กำแพงเพชร พิจิตร พิษณุโลก และเพชรบูรณ์

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ:จังหวัดหนองคาย บึงกาฬ หนองบัวลำภู อุดรธานี สกลนคร นครพนม ชัยภูมิ ขอนแก่น กาฬสินธุ์ และมุกดาหาร

ภาคกลาง: จังหวัดลพบุรี สุพรรณบุรี กาญจนบุรี และราชบุรี

ภาคตะวันออก: จังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี จันทบุรี และตราด

ภาคใต้: จังหวัดเพชรบุรี ระนอง พังงา และภูเก็ต

วันที่ 25 สิงหาคม 2568

ภาคเหนือ: จังหวัดเชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา น่าน แพร่ อุตรดิตถ์  พิจิตร พิษณุโลก และเพชรบูรณ์

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ:จังหวัดเลย หนองคาย บึงกาฬ หนองบัวลำภู อุดรธานี สกลนคร นครพนม มุกดาหาร  นครราชสีมา และอุบลราชธานี

ภาคกลาง:จังหวัดกาญจนบุรี ราชบุรี สมุทรสงคราม สมุทรสาคร นครปฐม

รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล

ภาคตะวันออก: จังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว จันทบุรี และตราด

ภาคใต้:จังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร ระนอง พังงา ภูเก็ต และกระบี่

วันที่ 26 – 27 สิงหาคม 2568

ภาคเหนือ: จังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ สุโขทัย ตาก กำแพงเพชร พิจิตร พิษณุโลก และเพชรบูรณ์

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: จังหวัดเลย หนองคาย บึงกาฬ อุดรธานี สกลนคร นครพนม ขอนแก่น กาฬสินธุ์ มุกดาหาร ยโสธร อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี

ภาคกลาง:  จังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท กาญจนบุรี ราชบุรี รวมทั้งกรุงเทพมหานครแลปริมณฑล

ภาคตะวันออก: จังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด

ภาคใต้:จังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร ระนอง พังงา และภูเก็ต

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะประธานกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) เปิดเผยว่า จากการประกาศเตือนของกรมอุตุนิยมวิทยา เรื่อง พายุโซนร้อน “คาจิกิ” ซึ่งจะทำให้ระยะนี้หลายพื้นที่ของไทยมีแนวโน้มเกิดฝนตกหนักถึงหนักมาก คาดว่าจะส่งผลให้มีน้ำไหลเข้าแหล่งกักเก็บน้ำต่าง ๆ เพิ่มมากขึ้น รวมกับปริมาณน้ำเดิมจากอิทธิพลของพายุ “วิภา” ในช่วงที่ผ่านมา รวมถึงความเป็นไปได้ที่จะมีร่องมรสุมพาดผ่านประเทศไทยอย่างต่อเนื่องในช่วงฤดูฝนนี้ ซึ่งอาจเพิ่มความเสี่ยงเกิดฝนตกสะสมในหลายพื้นที่ จึงได้สั่งการให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) บูรณาการหน่วยงานติดตามสถานการณ์ของเขื่อนทุกแห่งอย่างใกล้ชิดเพื่อประเมินสถานการณ์ในแต่ละช่วงเวลา โดยเฉพาะเขื่อนขนาดใหญ่ที่มีปริมาณน้ำมาก ให้เตรียมพร้อมปรับการบริหารจัดการน้ำให้สอดคล้องกับสถานการณ์ โดยคำนึงถึงผลกระทบในภาพรวมและความมั่นคงแข็งแรงของเขื่อนเป็นสำคัญ เช่น เขื่อนสิริกิติ์ จังหวัดอุตรดิตถ์ ซึ่งได้สั่งการล่วงหน้าให้ปรับแผนการระบายน้ำเพื่อรองรับมวลน้ำที่จะไหลเข้ามาเพิ่มเติมจากฝน  ในระลอกนี้ พร้อมเน้นย้ำให้พิจารณาผลกระทบต่อพื้นที่ท้ายน้ำร่วมด้วย เพื่อลดความเสี่ยงเกิดผลกระทบต่อประชาชนให้ได้มากที่สุด

นอกจากนี้ ได้สั่งการให้ สทนช. ประเมินระดับความรุนแรงของสถานการณ์อุทกภัย เพื่อพิจารณาความเหมาะสมในการยกระดับการบริหารจัดการน้ำตามมาตรา 24 แห่งพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ. 2561 ซึ่งแบ่งกรอบโครงสร้างการปฏิบัติงานเป็น 3 ระดับ ดังนี้

ระดับ 1 หน่วยบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ เพื่อบริหารจัดการน้ำในสถานการณ์ที่มีพื้นที่น้ำท่วมขังไม่เกิน 2 จังหวัด ความลึกระดับน้ำน้อยกว่า 0.5 เมตร ระยะเวลาท่วมขังไม่เกิน 15 วัน และไม่มีแนวโน้มแผ่ขยาย โดยมีเลขาธิการ สทนช. เป็นประธาน

ระดับ 2 กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ ทำหน้าที่ควบคุมวิกฤตน้ำในภาวะรุนแรงหรือคาดว่าจะรุนแรง โดยมีสถานการณ์น้ำท่วมขังเกิน 2 จังหวัดในพื้นที่เปราะบางหรือพื้นที่เศรษฐกิจ ความลึกระดับน้ำมากกว่า 0.5 เมตร ระยะเวลาท่วมขังมากกว่า 15 วัน และมีแนวโน้มแผ่ขยาย เป็นอุปสรรคต่อการดำรงชีวิตตามปกติ โดยมีรองนายกรัฐมนตรีที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้อำนวยการ ระดับ 3 ศูนย์บัญชาการเฉพาะกิจ เป็นการยกระดับจากกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ เพื่อจัดการสถานการณ์น้ำในภาวะวิกฤตหรือคาดว่าจะวิกฤต ในสถานการณ์ที่มีน้ำท่วมขังเกิน 2 จังหวัดในพื้นที่เปราะบางหรือพื้นที่เศรษฐกิจ ความลึกระดับน้ำมากกว่า 1 เมตร ระยะเวลาท่วมขังมากกว่า 30 วัน และมีแนวโน้มแผ่ขยาย ต้องอาศัยการปฏิบัติงานร่วมกันของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องภายใต้กระทรวงต่าง ๆ เนื่องจากกระทบต่อการดำรงชีวิตของคน สัตว์ หรือพืช สร้างความเสียหายต่อทรัพย์สิน ส่งผลให้การดำรงชีวิตตามปกติต้องหยุดชะงัก โดยนายกรัฐมนตรีเป็นผู้บัญชาการ จนกว่าปัญหาวิกฤตน้ำจะผ่านพ้นไป

ทั้งนี้ ขอยืนยันว่ารัฐบาลจะบริหารจัดการน้ำอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด พร้อมเตรียมแผนรองรับในทุกระดับ ตามนโยบายที่ให้ความสำคัญสูงสุดกับความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน

ขณะที่ ศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ (SWOC) กรมชลประทาน รายงานว่า จากการคาดการณ์ว่าในช่วงวันที่ 24–28 สิงหาคม 2568 หลายพื้นที่จะมีฝนตกหนักถึงหนักมาก กรมชลประทานได้เร่งเตรียมความพร้อมรับมือฝนตกหนัก ด้วยการพร่องน้ำจากเขื่อนและอ่างเก็บน้ำล่วงหน้า เพื่อให้สามารถรองรับน้ำฝนที่คาดว่าจะตกลงมาได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งตรวจสอบและซ่อมแซมอาคารชลประทาน รวมถึงคันกั้นน้ำและประตูระบายน้ำให้พร้อมใช้งาน รวมถึงกำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำเพื่อให้ระบายน้ำได้สะดวก

นอกจากนี้ ยังได้จัดเตรียมเครื่องจักรกลและเจ้าหน้าที่ประจำพื้นที่เสี่ยง เพื่อสามารถให้ความช่วยเหลือได้อย่างทันท่วงทีหากเกิดเหตุฉุกเฉิน โดยได้บูรณาการเชื่อมโยงการบริหารจัดการตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำอย่างเป็นระบบ เพื่อลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นในพื้นที่ท้ายน้ำ และประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนสถานการณ์น้ำอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงสามารถเตรียมตัวรับมือได้ทันท่วงที

สำหรับสถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั่วประเทศ ขณะนี้มีปริมาณน้ำรวม 50,913 ล้านลูกบาศก์เมตร (คิดเป็น 67% ของความจุอ่างฯ รวมกัน) สามารถรับน้ำได้อีก 25,593 ล้านลูกบาศก์เมตร โดยเฉพาะลุ่มน้ำเจ้าพระยา ซึ่งมีเขื่อนหลัก 4 แห่ง ได้แก่ เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ มีปริมาณน้ำรวมกัน 17,527 ล้านลูกบาศก์เมตร (70% ของความจุอ่างฯ รวมกัน) สามารถรับน้ำได้อีก 7,344 ล้านลูกบาศก์เมตร กรมชลประทานขอให้ประชาชนติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด และติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ wmsc.rid.go.th และ bigdata-swoc.rid.go.th หากต้องการความช่วยเหลือ
โทรสายด่วนกรมชลประทาน 1460

นอกจากนี้ ฝนที่ตกหนักในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ นายอำนาจ อินทร์วงศ์แก้ว ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาแม่แตง พร้อมด้วย นายปริญญา ศรียาบ หัวหน้าฝ่ายส่งน้ำและบำรุงรักษาที่ 2 และเจ้าหน้าที่โครงการฯ ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำ ณ โรงสูบน้ำห้วยแก้ว จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าระดับน้ำในลำเหมืองห้วยแก้วเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว จึงได้เดินเครื่องสูบน้ำ 2 เครื่อง เพื่อเร่งระบายน้ำลงสู่คลองส่งน้ำสายใหญ่เป็นการด่วน ป้องกันไม่ให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันในเขตเศรษฐกิจของเมืองเชียงใหม่ฝั่งตะวันตก ขณะนี้เจ้าหน้าที่ยังคงเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำตลอด 24 ชั่วโมง และเตรียมความพร้อมเพื่อบูรณาการกับหน่วยงานในพื้นที่ในการเข้าช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบได้อย่างทันท่วงที

(24 ส.ค. 68) เวลา 06.00 น. กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานว่า เกิดสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ 3 จังหวัด ประกอบด้วย เชียงใหม่ เพชรบูรณ์ พระนครศรีอยุธยา รวม 7 อำเภอ 35 ตำบล 131 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 3,650 ครัวเรือน 13,505 คน ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและไม่มีผู้เสียชีวิต

 จังหวัดเชียงใหม่ วันที่ 23 สิงหาคม 2568 เกิดฝนตกหนักทำให้น้ำไหลหลากเข้าท่วมในพื้นที่ อำเภอแม่ริม 1 ตำบล 1 หมู่บ้าน เบื้องต้นส่งผลให้น้ำท่วมผิวการจราจรบนถนนโชตนา บริเวณหน้ากองพันสัตว์ต่าง ระดับน้ำสูงประมาณ 30 เซนติเมตร ไม่ส่งผลกระทบต่อบ้านเรือนประชาชน ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและไม่มีผู้เสียชีวิต โดย ศูนย์ ปภ.เขต 10 ลำปาง สนง.ปภ.จ. หน่วยทหารในพื้นที่ จิตอาสา พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าสำรวจความเสียหาย อำนวยความสะดวกด้านการจราจร และให้การช่วยเหลือเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่ ปัจจุบันสถานการณ์คลี่คลาย

จังหวัดพระนครศรีอยุธยา วันที่ 23 สิงหาคม 2568 น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาล้นตลิ่งเข้าท่วมในพื้นที่ 4 อำเภอ 31 ตำบล 124 หมู่บ้าน ดังนี้ อำเภอเสนา 7 ตำบล 51 หมู่บ้าน อำเภอผักไห่ 6 ตำบล 19 หมู่บ้าน อำเภอบางบาล 10 ตำบล 34 หมู่บ้าน อำเภอบางไทร 8 ตำบล 20 หมู่บ้าน เบื้องต้นประชาชน ได้รับผลกระทบ 3,520 ครัวเรือน 13,024 คน ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและไม่มีผู้เสียชีวิต โดย ศูนย์ ปภ.เขต 1 ปทุมธานี สนง.ปภ.จ. ชลประทานจังหวัด อำเภอ จิตอาสา พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าสำรวจความเสียหายและให้การช่วยเหลือเบื้องต้นแล้ว ปัจจุบันระดับน้ำเพิ่มขึ้น

จังหวัดเพชรบูรณ์ วันที่ 22-23 สิงหาคม 2568 เกิดฝนตกหนักทำให้น้ำไหลหลากเข้าท่วมในพื้นที่  2 อำเภอ 3 ตำบล 6 หมู่บ้าน ดังนี้ อำเภอเมืองฯ 2 ตำบล 3 หมู่บ้าน อำเภอบึงสามพัน 1 ตำบล 3 หมู่บ้าน เบื้องต้นส่งผลให้ประชาชนได้รับผลกระทบ 130 ครัวเรือน 481 คน ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและไม่มีผู้เสียชีวิต โดย ศูนย์ ปภ.เขต 9 พิษณุโลก สนง.ปภ.จ. จิตอาสา พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าสำรวจความเสียหายและให้การช่วยเหลือ เบื้องต้นแล้ว ปัจจุบันสถานการณ์คลี่คลาย

นอกจากนี้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ยังได้จัดตั้งวอร์รูมเพื่อติดตามสถานการณ์ภัยพิบัติและประสานงานกับหน่วยงานต่างๆ ตลอด 24 ชั่วโมง โดยประชาชนสามารถสอบถามข้อมูลและแจ้งขอความช่วยเหลือผ่านทางสายด่วน 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง