พายุไต้ฝุ่น “คาจิกิ” ได้เคลื่อนขึ้นฝั่งเวียดนาม (เมืองวิญตอนล่าง) ก่อนอ่อนกำลังลงเคลื่อนสู่ สปป. ลาว ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคเหนือไทย วันที่ 26 สิงหาคม 2568
นายเชษฐา โมสิกรัตน์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า ปภ. ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมบูรณาการทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความช่วยเหลือ ได้แจ้งเตือนพื้นที่เสี่ยงภัย 45 จังหวัดล่วงหน้า และได้จัดเจ้าหน้าที่และเครื่องจักรกลสาธารณภัยประจำพื้นที่เสี่ยงแล้ว ได้แก่
- ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 2 สุพรรณบุรี สนับสนุนรถเคลื่อนย้ายผู้ประสบภัย 2 คัน
รถกู้ภัยเคลื่อนที่เร็ว 1 คัน เรือท้องแบนพร้อมเครื่องยนต์ 2 ลำ และเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ 5 คน - ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 16 ชัยนาท สนับสนุนเรือท้องแบน 5 ลำ เครื่องยนต์เรือหางสั้น 10 เครื่อง รถเคลื่อนย้ายผู้ประสบภัย 3 คัน รถกู้ภัยลากเรือ 1 คัน รถปิกอัพ 1 คัน และเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ 5 คน
- ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 15 เชียงราย ได้นำรถบรรทุกและรถปฏิบัติการเคลื่อนย้ายผู้ประสบภัย เรือท้องแบน เครื่องสูบน้ำขนาด 14 นิ้ว รถผลิตน้ำดื่ม และเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ 10 คน สนับสนุนการปฏิบัติการในพื้นที่จังหวัดน่าน
นอกจากนี้ ปภ. ยังร่วมกับกองทัพบก เตรียมพร้อมเฮลิคอปเตอร์ KA-32 เจ้าหน้าที่กู้ภัยประจำอากาศยานและทีมช่างประจำอากาศยาน หรือ “The Guardian Team” เตรียมพร้อมปฏิบัติการช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนในพื้นที่จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และภาคเหนือ โดยเฉพาะพื้นที่ที่เข้าถึงยาก
โดย ปภ. เตรียมพร้อมทั้งทีมเผชิญเหตุและเครื่องจักรกลสาธารณภัยพร้อมปฏิบัติงานช่วยเหลือประชาชน ตลอด 24 ชั่วโมง ไม่ว่าจะเป็นรถปฏิบัติการบรรเทาอุทกภัยพร้อมเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่ เครื่องสูบส่งระยะไกล รถปฏิบัติการเคลื่อนย้ายผู้ประสบภัย เรือพร้อมเครื่องยนต์ เรือท้องแบน พร้อมออกช่วยเหลือประชาชนได้อย่างรวดเร็ว และครอบคลุมทุกพื้นที่เสี่ยง และขอให้ประชาชนติดตามข่าวสารการแจ้งเตือนภัยจากหน่วยงานภาครัฐอย่างใกล้ชิด
ขณะเดียวกัน หลายจังหวัดได้เตรียมความพร้อม รับมือพายุ “คาจิกิ” เช่น
จังหวัดเชียงใหม่ นายดุสิต พงศาพิพัฒน์ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงใหม่ ได้เตรียมความพร้อมรับมือพายุ “คาจิกิ” โดยจัดตั้งศูนย์บัญชาการหลักและศูนย์สนับสนุนรวม 4 ศูนย์ ได้แก่ 1) ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์จังหวัดเชียงใหม่ 2) ศูนย์บัญชาการส่วนหน้าสำหรับพื้นที่เกิดอุทกภัย 3) ศูนย์สนับสนุนการแก้ไขสถานการณ์และระดมทรัพยากร (Response Force) และ 4) ศูนย์ดูแลความเป็นอยู่ ความปลอดภัย และความมั่นคงของประชาชน (Life Force) โดยทั้ง 4 ศูนย์จะเปิดทำการตลอด 24 ชั่วโมงเพื่อเฝ้าระวังและรับมือสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมย้ำเตือนประชาชนขอให้ติดตามข่าวสารจากทางราชการอย่างใกล้ชิด อย่าตื่นตระหนก แต่ไม่ประมาท พร้อมรับมือทุกสถานการณ์
จังหวัดเชียงราย นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ลงพื้นที่อำเภอเวียงแก่น เพื่อตรวจความพร้อมในการรับมือพายุ “คาจิกิ” โดยได้เตรียมบุคลากร เครื่องจักรกลสาธารณภัย รถบรรทุกและเคลื่อนย้ายผู้ประสบสาธารณภัย เรือท้องแบน เครื่องสูบน้ำขนาด 14 นิ้ว รถผลิตน้ำดื่ม พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ 10 นาย เข้าพื้นที่เสี่ยงภัย และใช้โรงเรียนเวียงแก่นวิทยาคม เป็นศูนย์พักพิงชั่วคราว สามารถรองรับผู้อพยพได้กว่า 500 คน และกำชับให้นายอำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และให้ความช่วยเหลือประชาชนอย่างทันท่วงที หากต้องการสนับสนุนเพิ่มเติมด้านใด สามารถประสานมายังจังหวัดได้โดยตรง เพื่อเร่งดำเนินการช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน
จังหวัดน่าน นายชัยนรงค์ วงศ์ใหญ่ ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน ลงพื้นที่ตรวจดูลานจอดรถศูนย์ราชการจังหวัดน่าน เพื่อใช้สำหรับรองรับเป็นที่จอดรถ และสั่งการทุกอำเภอสำรวจจุดเสี่ยงป้องกันเร่งด่วน เสริมพนังกั้นน้ำ กระสอบทราย Big Bag เครื่องสูบน้ำ รับมือพายุ “คาจิกิ” นอกจากนี้ยังตั้งศูนย์อพยพ/พักพิงชั่วคราวทุกพื้นที่ (ระดับจังหวัด อำเภอ ตำบล) เปิดใช้งานวันที่ 25 สิงหาคม 2568 ได้แก่
1. กองพันทหารม้าที่ 15 (ม.พัน 15) ต.ถืมตอง อ.เมืองน่าน รองรับได้ 120 คน
2. วัดป่านันทบุรีญาณสังวราราม ต.ผาสิงห์ อ.เมืองน่าน รองรับได้ 200 คน
3. กองร้อย อส.จ.น่าน ต.ผาสิงห์ อ.เมืองน่าน รองรับได้ 100 คน
4. ศูนย์พัฒนาราษฎรบนพื้นที่สูง จ.น่าน ต.ผาสิงห์ อ.เมืองน่าน รองรับได้ 30 คน
5. บ้านพักเด็กและครอบครัว จ.น่าน ต.ผาสิงห์ อ.เมืองน่าน รองรับได้ 20 คน
6. ศูนย์พัฒนาฝีมือแรงงานน่าน ต.ผาสิงห์ อ.เมืองน่าน รองรับได้ 50 คน
7. ศาลาปฏิบัติธรรม วัดพระธาตุแช่แห้ง ต.ม่วงตึ้ด อ.ภูเพียง รองรับได้ 200 คน
ขณะที่ พลเอก ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด สั่งการเร่งด่วนให้ศูนย์บรรเทาสาธารณภัย หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา ระดมกำลังพลและยุทโธปกรณ์เข้าพื้นที่เสี่ยง โดยได้จัดชุดบรรเทาสาธารณภัยเคลื่อนที่เร็วกว่า 60 ชุด พร้อมรถวางสะพาน รถครัวสนาม รถผลิตน้ำประปาเคลื่อนที่ และเครื่องมือช่าง เพื่อให้การช่วยเหลือประชาชนเป็นไปอย่างทันท่วงทีในพื้นที่เสี่ยงสูง ทั้งภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ภาคกลางฝั่งตะวันออก และบางพื้นที่ของภาคใต้ ขณะนี้กำลังพลและยุทโธปกรณ์ได้เข้าประจำพื้นที่เรียบร้อย พร้อมปฏิบัติหน้าที่ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อให้มั่นใจว่าสามารถเข้าถึงและช่วยเหลือประชาชนได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพทันทีที่เกิดเหตุฉุกเฉิน
ด้าน ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง พร้อมกำชับสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ให้ดูแลสวัสดิภาพของนักเรียน ครู และบุคลากรทางการศึกษาในสถานศึกษาทั่วประเทศ โดย ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) กล่าวว่า สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) กำชับสถานศึกษาในสังกัดให้เฝ้าระวังเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ เน้นย้ำให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาและศูนย์การศึกษาพิเศษทุกแห่งดูแลให้การช่วยเหลือนักเรียน ครู โรงเรียนในสังกัด รวมถึงทรัพย์สินทางราชการ ตามมาตรการเฝ้าระวังและป้องกันอุทกภัยของ สพฐ. วิเคราะห์ความเสี่ยงในการเดินทางของนักเรียน จัดเตรียมที่พักพิงหากจำเป็นต้องมีการเคลื่อนย้าย สำรวจ/ซ่อมแซมอาคาร ระบบไฟฟ้า-ประปาให้มีความพร้อม และประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในจังหวัด หากมีเหตุจำเป็นให้ประกาศหยุดเรียนได้ทันที รวมถึงมาตรการระยะยาว แผนเผชิญเหตุ และรายงานสถานการณ์ทุกวัน พร้อมทั้งติดตามประกาศจากกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิด
ทั้งนี้ ได้แจ้งให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาทุกแห่งทราบด้วยว่า หากมีเหตุด่วน เหตุฉุกเฉินที่ต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน ทุกเขตสามารถประสานโดยตรงมาที่ เลขาธิการ กพฐ. และทีมผู้บริหารทุกคนได้ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อรับมือและแก้ไขสถานการณ์ได้อย่างทันท่วงที
สำหรับผลกระทบทางด้านการเกษตร กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร ช่วงวันที่ 26 – 27 ส.ค. 68 เกษตรกรควรระวังอันตรายจากลมแรง ฝนตกหนักถึงหนักมาก และฝนที่ตกสะสมเสี่ยงต่อการเกิดน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลาก จากอิทธิพลของไต้ฝุ่น “คาจิกิ” คำแนะนำเกษตรกร ควรดูแลระบบระบายน้ำในแปลงเพาะปลูก และเฝ้าระวังโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา เสริมคันดินป้องกันน้ำท่วมในแปลงปลูก
ไม่ปล่อยสัตว์เลี้ยงอยู่ในที่ชื้นแฉะ