นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยสถิติการอนุญาตให้คนต่างชาติเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจในประเทศไทย ภายใต้พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 ในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2568 มีจำนวน 583 ราย เพิ่มขึ้น 27% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน รวมเม็ดเงินลงทุนกว่า 159,460 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 75% ถือว่ายังมีแนวโน้มดีต่อเนื่อง
โดยชาวต่างชาติ ที่เข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจในไทย สูงสุด อันดับ 1 คือ ญี่ปุ่น 112 ราย คิดเป็น 19% ของธุรกิจต่างชาติในไทย ส่วนใหญ่ลงทุนในธุรกิจการค้าระหว่างประเทศและธุรกิจบริการพัฒนาซอฟต์แวร์รองลงมาคือ สหรัฐ 85 ราย ส่วนใหญ่ลงทุนในธุรกิจบริการทางวิศวกรรม และธุรกิจค้าปลีก ,สิงคโปร์ 74 ราย ส่วนใหญ่ลงทุนในธุรกิจบริการสินเชื่อแบบไม่มีหลักประกัน และธุรกิจสนับสนุนบริหารจัดการวิจัยทางคลินิก , จีน 73 รายส่วนใหญ่ลงทุนในธุรกิจการจัดหาจัดซื้อวัตถุดิบชิ้นส่วนและส่วนประกอบ สำหรับการจัดหา จัดซื้อวัตถุดิบ ชิ้นส่วนและส่วนประกอบสำหรับอุตสาหกรรมการผลิตต่างๆ และฮ่องกง จำนวน 64 ราย ส่วนใหญ่ลงทุนในธุรกิจบริการศูนย์กระจายสินค้าด้วยระบบที่ทันสมัยและธุรกิจบริการสถานีอัดประจุไฟฟ้าสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า
สำหรับการลงทุนในพื้นที่อีอีซี ของนักลงทุนต่างชาติในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ มีนักลงทุนต่างชาติสนใจลงทุน 176 รายคิดเป็น 30% ของนักลงทุนต่างชาติในไทย เพิ่มขึ้น 28% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน มีมูลค่าการลงทุนในพื้นที่อีอีซี จำนวน 73,186 ล้านบาท โดยเป็นนักลงทุนจากประเทศญี่ปุ่น 44 ราย จีน 43 ราย ฮ่องกง 18 ราย และประเทศอื่นๆ 71 ราย ส่วนธุรกิจที่ลงทุน เช่น ธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ เป็นการจัดซื้อสินค้า วัตถุดิบ และชิ้นส่วนสำหรับอุตสาหกรรม ธุรกิจบริการออกแบบ จัดหาวัสดุ และอุปกรณ์ก่อสร้าง ติดตั้ง ทดสอบเครื่องจักร และระบบการทำงานต่างๆ สำหรับโครงการก่อสร้างท่าเรือ และสถานีรับ-จ่ายก๊าซธรรมชาติเหลว