นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี มีข้อสั่งการในการประชุมคณะรัฐมนตรี ให้กรมอุตุนิยมวิทยา และกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ติดตามสถานการณ์พายุคาจิกิอย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อตัดสินใจ แจ้งเตือนภัย สื่อสารให้ทั่วถึงเหมาะสม ด้วยระบบต่าง ๆ โดยเฉพาะระบบ Cell Broadcast และเตรียมการกู้ภัยในพื้นที่ ที่ได้ผลกระทบอย่างทันการณ์
(27 ส.ค.68) เวลา 05.00 น. กรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศ ร่องมรสุมพาดผ่านประเทศเมียนมาเข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณภาคเหนือตอนบน ทำให้บริเวณภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา น่าน แพร่ ตาก สุโขทัย และอุตรดิตถ์ ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก และฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม
จังหวัดที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบจากฝนตกหนักถึงหนักมาก มีดังนี้
วันที่ 27 สิงหาคม 2568
ภาคเหนือ: จังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ ตาก สุโขทัย พิษณุโลก กำแพงเพชร พิจิตร และเพชรบูรณ์
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: จังหวัดเลย และหนองคาย
ภาคกลาง: จังหวัดอุทัยธานี กาญจนบุรี และราชบุรี รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล
ภาคตะวันออก: จังหวัดนครนายก จันทบุรี และตราด
ภาคใต้: จังหวัดชุมพร และระนอง
ขอให้ประชาชนติดตามประกาศจากกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิด และสามารถติดตามข้อมูลที่เว็บไซต์ กรมอุตุนิยมวิทยา http://www.tmd.go.th หรือโทร 0-2399-4012-13 และ 1182 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
(27 ส.ค. 68) กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงาน เวลา 06.00 น. ว่า จากอิทธิพลพายุ “คาจิกิ” ทำให้เกิดฝนตกหนัก ตั้งแต่วันที่ 24 สิงหาคม 2568 – ปัจจุบัน มีสถานการณ์ มีสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ 8 จังหวัด 16 อำเภอ 43 ตำบล 135 หมู่บ้าน เบื้องต้นประชาชนได้รับผลกระทบ 177 ครัวเรือน 633 คน ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและไม่มีผู้เสียชีวิต ดังนี้
แพร่ วันที่ 26 สิงหาคม 2568 เกิดฝนตกหนักทำให้น้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ 5 อำเภอ ประกอบด้วย อำเภอวังชิ้น ลอง เด่นชัย อำเภอเมือง และสูงเม่น 23 ตำบล 92 หมู่บ้าน เบื้องต้นอยู่ระหว่างการสำรวจความเสียหาย โดย ผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ ศูนย์ ปภ. เขต 15 เชียงราย พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าสำรวจความเสียหายและให้การช่วยเหลือเบื้องต้น ปัจจุบันแม่น้ำยมมีระดับน้ำเพิ่มขึ้น
ลำปาง วันที่ 26 สิงหาคม 2568 เกิดฝนตกหนักทำให้น้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ 2 อำเภอ คือ อำเภอแม่เมาะ แม่ทะ 3 ตำบล 13 หมู่บ้าน เบื้องต้นประชาชนได้รับผลกระทบ 100 ครัวเรือน 370 คน ศูนย์ ปภ. เขต 10 ลำปาง พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าสำรวจความเสียหายและให้การช่วยเหลือเบื้องต้นแล้ว ปัจจุบันแม่น้ำวังมีระดับน้ำเพิ่มขึ้น
เชียงใหม่ วันที่ 26 สิงหาคม 2568 เกิดฝนตกหนักทำให้น้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ อำเภอเมือง 6 ตำบล 6 หมู่บ้าน เบื้องต้นอยู่ระหว่างการสำรวจความเสียหาย โดย ศูนย์ ปภ. เขต 10 ลำปาง พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าสำรวจความเสียหายและให้การช่วยเหลือเบื้องต้นแล้ว ปัจจุบันสถานการณ์คลี่คลายแล้ว
แม่ฮ่องสอน วันที่ 26 สิงหาคม 2568 เกิดฝนตกหนักทำให้น้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ 3 อำเภอ คือ อำเภอปางมะผ้า ขุนยวม และ แม่สะเรียง 4 ตำบล 8 หมู่บ้าน เบื้องต้นอยู่ระหว่างการสำรวจความเสียหาย โดย ศูนย์ ปภ. เขต 10 ลำปาง พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าสำรวจความเสียหายและให้การช่วยเหลือเบื้องต้นแล้ว ปัจจุบันแม่น้ำปายมีระดับน้ำเพิ่มขึ้น
เพชรบูรณ์ วันที่ 26 สิงหาคม 2568 เกิดฝนตกหนักทำให้น้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ 2 อำเภอ คือ อำเภอหนองไผ่ และหล่มเก่า 2 ตำบล 3 หมู่บ้าน เบื้องต้นมีบ้านเรือนได้รับผลกระทบ 15 ครัวเรือน 56 คน ศูนย์ ปภ. เขต 9 พิษณุโลก พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าสำรวจความเสียหาย และให้การช่วยเหลือเบื้องต้นแล้ว ปัจจุบันแม่น้ำป่าสักมีระดับน้ำเพิ่มขึ้น
อุตรดิตถ์ วันที่ 26 สิงหาคม 2568 เกิดฝนตกหนักทำให้น้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ อำเภอ ท่าปลา 3 ตำบล 11 หมู่บ้าน เบื้องต้นมีบ้านเรือนได้รับผลกระทบ 16 ครัวเรือน 59 คน โดย ศูนย์ ปภ. เขต 9 พิษณุโลก พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าสำรวจความเสียหายและให้การช่วยเหลือเบื้องต้นแล้ว ปัจจุบันแม่น้ำน่านมีระดับน้ำเพิ่มขึ้น
เลย วันที่ 26 สิงหาคม 2568 เกิดฝนตกหนักทำให้น้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ อำเภอนาแห้ว 1 ตำบล 1 หมู่บ้าน เบื้องต้นมีบ้านเรือนได้รับผลกระทบ 26 ครัวเรือน 74 คน โดย ผู้ว่าราชการจังหวัดเลย ศูนย์ ปภ. เขต 14 อุดรธานี พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าสำรวจความเสียหาย และให้การช่วยเหลือเบื้องต้นแล้ว ปัจจุบันแม่น้ำเลยมีระดับน้ำเพิ่มขึ้น
นครพนม วันที่ 26 สิงหาคม 2568 เกิดฝนตกหนักทำให้น้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ อำเภอธาตุพนม 1 ตำบล 1 หมู่บ้าน เบื้องต้นมีบ้านเรือนได้รับผลกระทบ 20 ครัวเรือน 74 คน ศูนย์ ปภ. เขต 7 สกลนคร สนง.ปภ.จ. ชลประทานจังหวัด พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าสำรวจความเสียหายและให้การช่วยเหลือเบื้องต้นแล้ว ปัจจุบันแม่น้ำโขงมีระดับน้ำเพิ่มขึ้น
ดินสไลด์
เชียงใหม่ วันที่ 27 สิงหาคม 2568 เวลา 02.50 น. เกิดดินสไลด์ในพื้นที่ หมู่บ้านปางอุ๋ง ตำบลแม่ศึก อำเภอแม่แจ่ม เบื้องต้นบ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหาย 5 หลัง มีผู้เสียชีวิต 1 ราย และผู้ได้รับบาดเจ็บ 10 ราย สูญหาย 1 ราย โดย สนง.ปภ.จ. หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าให้การช่วยเหลือนำผู้บาดเจ็บ ส่งโรงพยาบาลขุนยวม โรงพยาบาลแม่แจ่ม และค้นหาผู้สูญหาย
สำหรับสถานการณ์ที่จังหวัดน่าน เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2568 พล.ต.บุญญฤทธิ์ เกษตรเวทิน ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 38 / ผู้บัญชาการศูนย์บรรเทาสาธารณภัยมณฑลทหารบกที่ 38 ได้จัดกำลังพลชุดปฏิบัติบรรเทาสาธารณภัยจาก กรมทหารพรานที่ 32 ร่วมกับ ชุดปฏิบัติบรรเทาสาธารณภัย กองพันทหารม้าที่ 10 กรมทหารม้าที่ 2 ที่ทำการปกครองอำเภอท่าวังผา และผู้นำชุมชนบ้านสบขุ่น ตำบลป่าคา อำเภอท่าวังผา จังหวัดน่าน เข้าช่วยเหลือและอพยพประชาชนจากพื้นที่เสี่ยงภัยน้ำท่วม ดินโคลนถล่มไปยังพื้นที่ปลอดภัย โดยได้อพยพครอบครัว จำนวน 2 หลังคาเรือน รวม 5 คน ไปยังบ้านพักราชการภายในโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านสบขุ่น จากนั้น เวลา 19.00 น. ช่วยเหลืออพยพประชาชน จากพื้นที่เสี่ยงดินสไลด์ จำนวน 8 หลังคาเรือน (รวม 31 คน) มายังพื้นที่ปลอดภัย
ทั้งนี้ประชาชนสามารถขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง
ขณะที่อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว ประกาศปิดการท่องเที่ยวและพักแรมบริเวณลานสน เป็นการชั่วคราว เพื่อเป็นการเฝ้าระวังสถานการณ์พายุ “คาจิกิ” ที่ส่งผลให้มีฝนตกหนักต่อเนื่องและเกิดปริมาณน้ำฝนสะสม ซึ่งอาจก่อให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินสไลด์ ประกอบกับได้รับรายงานจากเจ้าหน้าที่ประจำจุดบริการที่ 3 (ลานสน) ว่าพบดินสไลด์ตามเส้นทางศึกษาธรรมชาติ
ทางด้านกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์วีรวุฒิ อิ่มสำราญ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข ร่วมประชุมกับ กรมวิชาการ สำนักงานเขตสุขภาพ และสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ เพื่อติดตามสถานการณ์และเตรียมความพร้อมด้านการแพทย์และสาธารณสุข โดยให้ดำเนินการตาม 6 มาตรการ ดังนี้
1.ให้พื้นที่เสี่ยงน้ำท่วม เปิดศูนย์ปฏิบัติการสาธารณสุข (EOC) ระดับเขตและจังหวัด ติดตามและรายงานสถานการณ์ต่อศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข (Public health emergency operation center : PHEOC) ส่วนกลางตามแนวทางที่กำหนด
2.ตรวจสอบความพร้อมของโรงพยาบาลในพื้นที่เสี่ยงทั้งด้านไฟฟ้าสำรอง น้ำสะอาด ยา เวชภัณฑ์ เลือด และระบบส่งต่อผู้ป่วย
3.จัดระบบส่งต่อผู้ป่วยในกรณีที่โรงพยาบาลถูกน้ำท่วมจนไม่สามารถให้บริการได้ โดยมีสายด่วน/ช่องทางด่วนในการประสาน
4.เตรียมทีมปฏิบัติการฉุกเฉินทางการแพทย์และสาธารณสุข ได้แก่ ทีมปฏิบัติการฉุกเฉินทางการแพทย์ (Medical Emergency Response Team : MERT) และทีมปฏิบัติการฉุกเฉินทางการแพทย์ในภาวะภัยพิบัติ สาธารณภัย ระดับอำเภอ (Mini Medical Emergency Response Team : MiniMERT) สำหรับสนับสนุนพื้นที่ประสบภัย และทีมช่วยเหลือเยียวยาจิตใจผู้ประสบภาวะวิกฤต (MCATT) สำหรับลงพื้นที่หากสถานการณ์รุนแรง
5.เฝ้าระวังโรคและภัยสุขภาพที่มากับน้ำท่วม เช่น โรคอุจจาระร่วงเฉียบพลัน โรคเลปโตสไปโรซิส โรคไข้เลือดออก และโรคระบบทางเดินหายใจ 6.สื่อสารความเสี่ยงและประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารการป้องกันโรคและภัยสุขภาพที่มากับน้ำท่วมถึงประชาชนอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ปัจจุบันยังไม่มีสถานพยาบาลได้รับผลกระทบ แต่ได้ทำการเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด