นายอรรถกร ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลงพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน ตรวจติดตามสถานการณ์อุทกภัย น้ำป่าไหลหลากและดินโคลนถล่มจากอิทธิพลพายุ “คาจิกิ” พร้อมมอบถุงยังชีพแก่ผู้ประสบภัยและให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน ณ บ้านผาบ่องเหนือ ต.ผาบ่อง และวัดห้วยโป่ง ต.ห้วยโป่ง อ.เมือง ก่อนประชุมติดตามสถานการณ์และหารือแนวทางแก้ไขปัญหา ณ สถานีพัฒนาที่ดินแม่ฮ่องสอน
นายอรรถกร ระบุว่า จากอิทธิพลของพายุ “คาจิกิ” เกิดฝนตกติดต่อกันในพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน ทำให้เกิดน้ำป่าไหลหลากและดินโคลนถล่ม ส่งผลให้มีพื้นที่การเกษตรได้รับผลกระทบ จึงสั่งการให้หน่วยงานในพื้นที่เร่งสำรวจและรายงานความเสียหายอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สามารถช่วยเหลือได้อย่างทันท่วงทีและกำชับให้เฝ้าระวัง ติดตามสถานการณ์น้ำในพื้นที่และแจ้งเตือนประชาชนอย่างต่อเนื่อง เตรียมความพร้อมเจ้าหน้าที่ เครื่องมือ เครื่องจักร ในการให้ความช่วยเหลือได้ทันที
ความเสียหายต่อภาคการเกษตร ทั้งพื้นที่เพาะปลูก พืชผล ประมง และปศุสัตว์ เบื้องต้นมีเกษตรกรได้รับความเสียหายกว่า 600 ราย พื้นที่ได้รับความเสียหาย 2,169 ไร่ เป็นพื้นที่ปลูกข้าว 1,838 ไร่ พื้นที่ปลูกพืชไร่/พืชผัก 331 ไร่ โดยให้ความช่วยเหลือเบื้องต้น ทั้งการสนับสนุนเมล็ดพันธุ์พืช พันธุ์สัตว์ เวชภัณฑ์ และอาหารสัตว์ พร้อมทั้งประสานกองทุนช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยพิบัติด้านการเกษตร เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในระยะเร่งด่วน เน้นขับเคลื่อนมาตรการเชิงรุก ทั้งด้านการฟื้นฟูพื้นที่เกษตรที่เสียหาย การเยียวยาผู้ประสบภัยและการวางระบบจัดการน้ำอย่างบูรณาการ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับพี่น้องเกษตรกร
ในส่วนกรมชลประทาน โครงการชลประทานแม่ฮ่องสอน ได้จัดทำงานและโครงการบริหารจัดการน้ำเพื่อบรรเทาอุทกภัย และเตรียมความพร้อมในการรับมือภัยอันเกิดจากน้ำ ปี 2568 (เพิ่มเติม) เพื่อรองรับภัยพิบัติทางธรรมชาติ ทั้งอุทกภัยและภัยแล้ง โดยมุ่งเน้นการปรับปรุงแหล่งน้ำขนาดเล็ก ขุดลอกคลองส่งน้ำ เสริมระบบระบายน้ำและเก็บกักน้ำ ผลักดันโครงการประตูระบายน้ำและอ่างเก็บน้ำในพื้นที่เสี่ยง เพื่อให้สามารถรองรับปริมาณน้ำฝนที่เพิ่มขึ้นและลดผลกระทบต่อพื้นที่เกษตรกรรม
ด้านนางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่ อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ ตรวจเยี่ยมศูนย์พักพิงชั่วคราวช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย องค์การบริหารส่วนตำบลแม่ศึก ตั้งอยู่ในโรงเรียนปางอุ๋ง มีประชาชนพักอาศัย 137 คน พร้อมมอบถุงยังชีพให้กับประชาชนที่พักอาศัยในศูนย์พักพิงโดยมีหน่วยงานและอาสาสมัครทุกภาคส่วนร่วมดูแลช่วยเหลือประชาชน อีกทั้งได้ประสานนายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เพื่อขอรับการสนับสนุนบุคลากรเพิ่มเติม
จากนั้นเดินทางไปยังหมู่บ้านปางอุ๋ง บริเวณจุดเกิดเหตุดินสไลด์ มีบ้านเรือนได้รับความเสียหายอย่างหนัก มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ โดยได้มอบเงินช่วยเหลือค่าจัดการศพแก่ครอบครัวผู้เสียชีวิต รายละ 29,700 บาท ตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย บริเวณที่เกิดเหตุมีกำลัง อส. 500 นาย และ ชรบ. 200 นาย เจ้าหน้าที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช สนับสนุนภารกิจรื้อถอนท่อนไม้และอาคารที่พังเสียหาย และเดินทางไปยังบริเวณที่ตั้งทีมค้นหาผู้สูญหาย (USAR) ของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เพื่อให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ที่กำลังอยู่ระหว่างภารกิจค้นหาผู้สูญหาย
นางสาวธีรรัตน์ กล่าวว่า รัฐบาลและกระทรวงมหาดไทยได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยได้ส่งเครื่องจักรกล ระดมกำลังเจ้าหน้าที่ และอาสาสมัครจากทั่วประเทศ เพื่อเร่งเคลียร์พื้นที่ สำรวจความเสียหาย และให้การช่วยเหลือประชาชนสามารถดำเนินการได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ อีกทั้ง กรมชลประทานได้เข้ามาดูในเรื่องของการปรับพื้นที่ให้มีความมั่นคงแข็งแรงก่อนในจุดที่เป็นแนวรับน้ำหรือพื้นที่ที่มีความเสี่ยงว่าอาจจะเกิดดินโคลนถล่มและการสไลด์ของดินอีก โดยจะทำให้มีความแข็งแรงขึ้น หลังจากนั้นจะได้ดูว่าพื้นที่ไหนที่จะสามารถตั้งที่อยู่อาศัยให้ผู้ที่บ้านได้รับความเสียหาย ซึ่งอาจจะไม่ใช่ที่บริเวณนี้ เพราะว่าหลาย ๆ ครอบครัวได้แจ้งว่ายินดีที่จะย้ายออกจากบริเวณพื้นที่เดิม โดยที่ไม่อยากให้ห่างไกลจากญาติพี่น้องของเขาหรือที่ที่จะต้องทำนา ทำสวน ทำไร่ แต่ต้องเป็นพื้นที่ปลอดภัยไม่เกิดเหตุการณ์ซ้ำแบบนี้อีก
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานสถานการณ์อุทกภัยและดินสไลด์ เวลา 05.00 น. ดังนี้
1. อุทกภัยและดินสไลด์ (จากอิทธิพลพายุ “คาจิกิ”)
ปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์ในพื้นที่ 4 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน สุโขทัย พิษณุโลก ประชาชนได้รับผลกระทบ 2,755 ครัวเรือน 5,716 คน ดังนี้
- จังหวัดเชียงใหม่ ฝนตกหนักทำให้ดินสไลด์ในพื้นที่ อ.แม่แจ่ม ประชาชนได้รับผลกระทบ 549
ครัวเรือน บ้านเรือนเสียหาย 157 หลังคาเรือน มีผู้เสียชีวิต 7 ราย และได้รับบาดเจ็บ 15 ราย มีผู้สูญหาย
2 ราย กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้สนับสนุนอากาศยานปีกหมุน KA32 รถเครื่องกำเนิดไฟฟ้า โคมไฟฟ้าส่องสว่าง สาธารณสุขจังหวัดจัดทีมช่วยเหลือเยียวยาจิตใจผู้ประสบภาวะวิกฤต ดูแลด้านสุขภาพจิตของผู้ได้รับผลกระทบในพื้นที่เกิดเหตุ อบต.แม่ศึก จัดตั้งโรงครัวเพื่อประกอบเลี้ยงผู้ประสบภัย จัดตั้งศูนย์พักพิงชั่วคราว ณ โรงเรียนบ้านปางอุ๋ง มีผู้เข้าพัก 140 คน กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย มอบเงินช่วยเหลือ
ค่าจัดการศพแก่ครอบครัวผู้เสียชีวิต รายละ 29,700 บาท จำนวน 3 ราย รวม 89,100 บาท องค์การสุนัขกู้ภัย ภายใต้มูลนิธิเพื่อสิ่งแวดล้อมสังคม สนับสนุนสุนัขกู้ภัย (K9) เพื่อค้นหาผู้สูญหาย ปัจจุบันอยู่ระหว่างค้นหาผู้สูญหาย
2. จังหวัดแม่ฮ่องสอน เกิดฝนตกหนักทำให้น้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ อ.เมือง ประชาชนได้รับผลกระทบ 1,801 ครัวเรือน 62 หลังคาเรือน 2,570 คน มีผู้เสียชีวิต 2 ราย มีผู้สูญหาย 1 ราย ปัจจุบันสถานการณ์คลี่คลายแล้ว และเร่งค้นหาผู้สูญหาย และเปิดเส้นทางการจราจร
3. จังหวัดสุโขทัย เกิดฝนตกหนักทำให้น้ำแม่น้ำยมเอ่อล้นตลิ่งในพื้นที่ 6 อำเภอ ได้แก่ อ.เมือง ศรีสัชนาลัย สวรรคโลก ศรีนคร ศรีสำโรง และ บ้านด่านลานหอย มีบ้านเรือนได้รับผลกระทบ 369 ครัวเรือน 1,365 คน ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าสำรวจความเสียหายและให้การช่วยเหลือเบื้องต้นเสริมกระสอบทรายและ Big Bag สนับสนุนเสื้อชูชีพ ประกอบอาหารแจกจ่าย และจัดตั้งศูนย์พักพิงชั่วคราว ณ วัดคูหาสุวรรณ มีประชาชนเข้าพัก 17 ราย ปัจจุบันแม่น้ำยม มีระดับน้ำลดลง
4. จังหวัดพิษณุโลก เกิดฝนตกหนักทำให้น้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ อ.ชาติตระการ และ เนินมะปราง มีประชาชนได้รับผลกระทบ 36 ครัวเรือน 133 คน พืชไร่ 80 ไร่ นาข้าว 650 ไร่ บ่อปลา 3 แห่ง ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและไม่มีผู้เสียชีวิต หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าสำรวจความเสียหายและให้การช่วยเหลือเบื้องต้น ปัจจุบันแม่น้ำยมระดับน้ำเพิ่มขึ้น
2. อุทกภัยและดินสไลด์ (จากอิทธิพลพายุ “หนองฟ้า”)
ปัจจุบันมีสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ 5 จังหวัด ได้แก่ ลำปาง เพชรบูรณ์ กาฬสินธุ์ หนองบัวลำภู และขอนแก่น ประชาชนได้รับผลกระทบ 864 ครัวเรือน 3,197 คน ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต
1. จังหวัดลำปาง เกิดฝนตกหนักทำให้น้ำไหลหลากเข้าท่วมในพื้นที่ อ.แม่พริก ประชาชนได้รับผลกระทบ 35 ครัวเรือน 130 คน ไม่มีผู ้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต หน้วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าสำรวจความเสียหายและให้การช่วยเหลือแล้ว ปัจจุบันระดับน้ำลดลง
2. จังหวัดเพชรบูรณ์ เกิดฝนตกหนักทำให้น้ำล้นตลิ่งเข้าท่วมในพื้นที่ อ.หล่มเก่า น้ำหนาว และหล่มสัก บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 592 ครัวเรือน 2,190 คน ถนน 1 สาย สะพาน 1 แห่ง ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าสำรวจความเสียหายและให้การช่วยเหลือเบื้องต้นแล้ว ปัจจุบันแม่น้ำป่าสักระดับน้ำเพิ่มขึ้น
3. จังหวัดกาฬสินธุ์ เกิดฝนตกหนักทำให้มีน้ำท่วมขังและดินสไลด์ในพื้นที่ 6 อำเภอ ได้แก่ อ.สมเด็จ เขาวง กุฉินารายน์ ห้วยผึ้ง นาคู และ นามน ประชาชนได้รับผลกระทบ 1 ครัวเรือน 4 คน (สาเหตุดินสไลด์)
มีน้ำท่วมขังผิวการจราจรและพื้นที่ทางการเกษตรได้รับความเสียหายประมาณ 2,795 ไร่ ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ และเสียชีวิต หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าสำรวจความเสียหาย อำนวยความสะดวกด้านการจราจร และเร่งระบายน้ำ ออกจากพื้นที่ ปัจจุบันระดับน้ำลดลง
4. จังหวัดหนองบัวลำภู เกิดฝนตกหนักทำให้น้ำไหลหลากเข้าท่วมในพื้นที่ 5 อำเภอ ได้แก่ อ.เมือง ศรีบุญเรือง โนนสัง สุวรรณคูหา และ นาวัง ประชานได้รับผลกระทบ 85 ครัวเรือน 315 คน ถนน 32 แห่ง
วัด 2 แห่ง ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าสำรวจความเสียหาย ยกสิ่งของขึ้นที่สูง อำนวยความสะดวกด้านการจราจร และเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่ ปัจจุบันระดับน้ำเพิ่มขึ้น
5. จังหวัดขอนแก่น เกิดฝนตกหนักต่อเนื่องทำให้มีน้ำไหลหลากเข้าท่วมในพื้นที่ 5 อำเภอ ได้แก่
อ.ภูผาม่าน บ้านไผ่ น้ำพอง ชุมแพ และ สีชมพู ประชาชนได้รับผลกระทบ 151 ครัวเรือน 559 คน ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าสำรวจความเสียหายและให้การ ช่วยเหลือเบื้องต้นแล้ว ปัจจุบันระดับน้ำเพิ่มขึ้น
กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศจะมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่ ในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก ขอให้ประชาชนโดยเฉพาะบริเวณจังหวัดลำปาง สุโขทัย กำแพงเพชร ลำพูน เชียงใหม่ ตาก แม่ฮ่องสอน อุดรธานี หนองบัวลำภู เลย ตราด ระนอง และ พังงา ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่าน และพื้นที่ลุ่ม ในช่วงวันที่ 1 – 2 ก.ย. 68