นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการพูดคุยกับพรรคประชาชนเมื่อวานนี้ ว่า สถานการณ์ปัจจุบันยังอยู่ในจุดที่พรรคเพื่อไทยได้รับมอบหมายจากพรรคร่วมรัฐบาลในการดำเนินการจัดตั้งรัฐบาล และเมื่อวานนี้ได้พบกับพรรคประชาชน จริงๆ แล้วตนไม่ต้องเดินทางไป แต่เมื่อมีการถามหา จึงต้องลาการประชุม ก.ตร.ไป ยอมสละ และได้พูดคุยกับพลตำรวจเอก กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. โดยได้มอบหมายให้ทำหน้าที่ตามกระบวนการของกฎหมาย ซึ่งคิดว่าอนาคตของประเทศมีความสำคัญ แม้จะมีความกินแหนงแคลงใจ ไม่พอใจกันบ้าง ก็ถือเป็นเรื่องธรรมดาของการทำงาน
นายภูมิธรรม กล่าวว่า เมื่อวานที่ได้เดินทางไปพรรคประชาชนได้รับการตอบรับอย่างอบอุ่นมาก ก่อนที่จะเข้าไปและหลังจากที่เดินเข้าไปแล้ว ก็รออยู่ไม่มีผู้บริหารรับ และได้เดินเข้าไปพบ 4-5 คนในห้องประชุม ซึ่งเราไปกับตัวแทนพรรคร่วมหลายคน ซึ่งในการพูดคุยได้ขอบคุณที่ให้โอกาสมานั่งประชุม ในฐานะตัวแทนที่ทุกคนได้มอบหมาย แม้ว่าจะไม่มีหน้าที่ในพรรคเพื่อไทยโดยตรง แต่ก็ทำหน้าที่ในการปฏิบัติงานนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นประธานของ ครม. และเมื่อมีการถามหาก็จึงเดินทางไป ซึ่งการพูดคุยได้มีการเสนอว่าพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรคในข้อเสนอ ทั้งหมดของพรรคประชาชนเรารับทั้งหมด เป็นเรื่องที่ตรงกัน เพราะว่าวันนี้ประเทศวิกฤต ถึงเวลาที่จะต้องรีเซ็ตการเมืองใหม่ เพราะฉะนั้นการเสนอให้ดำเนินการตามข้อเสนอของพรรคประชาชนเป็นเรื่องที่ดีควรจะทำและสิ่งที่พรรคประชาชนได้เสนอถามกลับมา ประเด็นแรกคือ รัฐธรรมนูญปี 2540 ไม่มีเจตนาอะไร หัวใจสำคัญคือการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ผ่านกลไกของ ส.ส.ร. ซึ่งเป็นสิ่งที่พรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมรัฐบาลเห็นด้วย
นายภูมิธรรม ยังกล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาพรรคภูมิใจไทยไม่ได้สนับสนุน ซึ่งตนก็ไม่ได้ติดใจที่จะใช้รัฐธรรมนูญปี 2540 เพื่อประกอบใช้ในระหว่างการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ หากพรรคประชาชนติดใจเรื่องนี้ก็สามารถถอนออกได้ก็ไม่มีปัญหาอะไร เพราะเรายอมรับอยู่แล้วว่าจะร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
ขณะที่เรื่อง MOU43-44 นายภูมิธรรม กล่าวว่า เห็นว่าเรื่องนี้เป็นประเด็น ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลนี้หรือรัฐบาลใหม่ ยืนยันไม่มีอะไรติดใจหากจะดำเนินการในเรื่องนี้และไม่มีประโยชน์อะไรแอบแฝง จึงเห็นควรแนบไปกับประชามติถ้าประชาชนเห็นอย่างไรรัฐบาลใหม่ จะได้ดำเนินการตามนั้นวิกฤตเรื่องนี้จะได้จบลง
ส่วนประเด็นที่ดินเขากระโดงและคดีฮั้ว สว. นายภูมิธรรม กล่าวว่า จริงๆ เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรมและไม่ว่าจะเป็นคดีจากพรรคใด ทั้งที่ดินอัลไพน์คิดว่าทำได้ทั้งนั้น เพราะว่าอยู่ในกระบวนการ ซึ่งทั้งหมดนี้ไม่ได้ตอบไปยังพรรคประชาชน แต่ตอบว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงที่สุด
นายภูมิธรรม ยังระบุว่า เห็นแกนนำพรรคประชาชนหลายคนพูดว่า หัวใจสำคัญของการตัดสินใจเรื่องนี้อยู่ที่การจะดูว่า ใครจะอยู่ในความควบคุมได้มากที่สุด ซึ่งตนมองว่าไม่น่าจะเป็นการควบคุม ว่าอยู่ที่ว่าสิ่งที่ข้อเสนอสามารถเป็นไปตามข้อตกลงได้หรือไม่ ดูเหมือนว่าจะสนใจพรรคภูมิใจไทย แต่คิดว่าเรื่องการควบคุมว่ามีเสียงน้อยเสียงมาก หรือจะไปจับมือกับเขา คิดว่าการพิจารณาไม่ใช่เรื่องของการควบคุมได้ เพราะตอนนี้หากพูดกันตามความจริงก็ไม่มีใครสามารถควบคุมใครได้ หากคิดว่าไม่ซื่อตรงแล้วจะตัดสินใจก็ตัดสินใจได้ แต่สิ่งสำคัญคือการที่จะปล่อยให้พรรคภูมิใจไทยมาเป็นหัวหน้ารัฐบาล ในเวลาอีก 4 เดือน ก่อนจะมีการเลือกตั้ง ขอถามว่าคดีเขากระโดงจะกลับไปเป็นแบบเดิมหรือไม่ ในการตีความของพรรคภูมิใจไทย เพราะขณะนี้อยู่ในกระบวนการที่จะ นำที่ของหลวงกลับมาในช่วงสิ้นเดือนนี้
เช่นเดียวกับเรื่องการฮั้ว สว. ที่กำลังเข้าสู่การเปิดประเด็นจับกุม ซึ่งขณะนี้ติดอยู่ที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง ตนเชื่อว่า 2 เรื่องนี้เป็นหัวใจสำคัญ แต่ตนได้บอกไปว่า หากติดใจเรื่องนี้ ก็ไม่เป็นไรแต่ขออย่าให้มีกระบวนการแทรกแซงและไม่ว่าจะตัดสินใจอย่างไรตนก็เคารพการตัดสินใจของพรรคประชาชน แต่เรื่องการแก้รัฐธรรมนูญที่เป็นหัวใจสำคัญใครจะทำเต็มที่ได้มากกว่ากัน ซึ่งพรรคเพื่อไทยยืนยันในเรื่องนี้มาตลอด สิ่งที่เคยเป็นปัญหาในเรื่องบางมาตราที่มีความแตกต่างกัน แต่ในเรื่องการยกมือโหวตตรงกัน คือให้มีการตั้ง ส.ส.ร. จึงถามว่าใครคือผู้มีบทบาทในการควบคุม สว. ฝากให้ไปคิด
นอกจากนี้ ยังระบุต่อว่า หากให้พรรคภูมิใจไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล จะมีหลักประกันอะไรที่พรรคประชาชนสามารถทำให้เกิดขึ้น ในเมื่อตัวเองก็ไม่ได้เข้าไปเป็นรัฐมนตรี เพราะพรรคพรรคภูมิใจไทยสามารถทำได้ง่าย จะรอให้อภิปรายไม่ไว้วางใจตนบอกว่าไม่ทัน เชื่อว่าจะดำเนินการไปก่อน เพราะอำนาจ ในการยุบสภารัฐบาลพรรคภูมิใจไทยเป็นผู้มีอำนาจในการยื่นเรื่องและสิ่งสำคัญขออย่าเบี่ยงประเด็นว่าใครจะได้มากได้น้อย หรือพรรคภูมิใจไทยมีน้อยกว่า 100 เสียง สามารถควบคุมได้ โดยการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ
ส่วนพรรคเพื่อไทย ยอมรับว่าเคยบาดหมางกัน แต่เรายืนยันในข้อตกลงมาตลอด การที่บอกว่าพรรคเพื่อไทยบิดพลิ้ว หรือตระบัดสัตย์ 2 ครั้ง ที่มีการเสนอชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคก้าวไกล ล้วนเป็นคนของพรรคเพื่อไทยที่เป็นผู้เสนอชื่อทั้ง 2 ครั้ง และทุกเสียงของพรรคเพื่อไทยยกมือให้หมด แต่สิ่งที่บอกคือ สว..จะโหวตให้แต่สุดท้ายไม่เลือก และประเด็นสุดท้ายขอเวลา 4 เดือน ซึ่งได้ประกาศไปชัดเจนตั้งแต่แรก ว่า รอการตัดสินใจของพรรคประชาชนไม่ได้ และวันนี้อยากจะร่วมมือกัน ลืมเรื่องเก่าๆ อยากจะร่วมมือกัน สิ่งที่เกิดขึ้นขณะนี้ทุกคนยอมรับว่าปล่อยประเทศ ให้พรรคเพื่อไทย และพรรคประชาชนที่มี 360 เสียงเป็นฝ่ายค้านไม่ได้ ในขณะที่รัฐบาลมีเพียง 143 เสียง ไม่มีประเทศไหนมาเจรจาด้วย เพราะไม่มีความเชื่อมั่นเกิดขึ้น แต่ทั้งหมดนี้อยู่ในอำนาจของพรรคประชาชนที่จะเป็นผู้ตัดสินใจ
ทั้งนี้ หากพรรคประชาชนไม่ร่วมรัฐบาล พรรคเพื่อไทยพร้อมที่จะเป็นฝ่ายค้าน หรือตัดสินใจยุบสภา นายภูมิธรรมกล่าวว่า ยังไม่ต้องตัดสินใจว่าจะเป็นฝ่ายค้าน หรือยุบสภา เราเสนอประเด็นให้พรรคประชาชนตัดสินใจ ถ้าเขาเลือกพรรคภูมิใจไทยก็เป็นสิทธิ์ที่ทำได้ ส่วนพรรคเพื่อไทยจะทำอย่างไร ก็มีกระบวนการตามรัฐธรรมนูญอยู่แล้วที่จะต้องหาทางออกในหลายๆ ทางที่เป็นไปได้ อันนั้นอยู่ที่ดุลยพินิจขอให้สถานการณ์ชัด ตอบให้ชัดว่าจะสนับสนุนพรรคภูมิใจไทย หรือพรรคเพื่อไทย มีข้อกังวลอะไรบอกมาให้ชัดและข้อกังวลนั้นจะหาทางป้องกันอย่างไร
ส่วนกระบวนการของพรรคเพื่อไทย ว่าปลายทางจะไม่เป็นฝ่ายค้านใช่หรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า ยังไม่มีการตัดสินใจ มีแต่เพียงว่า อยากจะร่วมการตั้งรัฐบาล โดยให้พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำแล้วจะดำเนินการตามนั้น บอกแล้วว่านโยบายมีเยอะ รวมถึงวาระแห่งชาติ คือต้องเปลี่ยนแปลงสภาพการเมืองที่ผิดเพี้ยนแบบนี้ ให้มีการรีเซ็ตใหม่ คือต้องไปแก้รัฐธรรมนูญ ในฐานะที่เป็นรัฐบาลเดิมและยังรักษาการอยู่ คิดว่าการจับขั้วเพื่อให้ได้นายกรัฐมนตรีคนใหม่ ควรจะใช้เวลาเร็วที่สุดเมื่อใด นายภูมิธรรมกล่าวว่า เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น อยากได้เร็วที่สุด เพราะหากปล่อยสภาพแบบนี้ไว้ก็เป็นรัฐบาลเป็ดง่อยทำอะไรไม่ได้ ตอนนี้ทั้งหมดอยู่ที่พรรคประชาชนตัดสินใจ อยากให้รอบคอบ เพราะการตัดสินใจครั้งนี้เป็นครั้งสำคัญ พรรคประชาชนยังไม่เคยเลือกนายกรัฐมนตรีจากนอกพรรคครั้งนี้เป็นครั้งแรก ถ้าจะประเดิมด้วยพรรคภูมิใจไทย ต้องมีหลักประกันว่าประเทศจะไม่เสียหาย พรรคเพื่อไทยจะสร้างหลักประกัน หรือความมั่นใจอะไรให้กับพรรคประชาชน นายภูมิธรรมกล่าวว่า เป็นหน้าที่ที่พรรคประชาชนต้องถามตน ก็รอให้สิ่งนั้นเกิด
วันนี้พรรคประชาชนจะมีคำตอบที่ชัดเจนมาให้กับพรรคเพื่อไทยหรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า ไม่ทราบ เพราะเขาบอกว่ากลไกโครงสร้างเยอะ ต้องถามจากส่วนต่างๆ ตนก็บอกว่าไม่เป็นไร แต่วันนี้ที่มีประชุมและจะมีคำตอบหรือไม่ อาจจะไม่แน่ใจจะมีหรือไม่มีก็ได้ไม่เป็นไร ขอให้พรรคประชาชนใช้เวลาเต็มที่ แต่เมื่อเสร็จแล้วให้แจ้งเราด้วย เพื่อให้เราดำเนินการขั้นต่อไป นอกจากพรรคประชาชนแล้วพรรคร่วมรัฐบาลที่ยังอยู่ด้วยกัน ยังเหมือนเดิมหรือไม่ เพราะอย่างพรรคประชาธิปัตย์ ก็ยังไม่ชัดว่าจะไปต่อและการที่มาร่วมแถลงข่าว อาจเป็นเพียงมารยาททางการเมือง เท่านั้น นายภูมิธรรมกล่าวว่า เขาไม่ได้พูดคำนี้ เขาพูดเพียงว่าขณะนี้เรายังร่วมกันอยู่ ทั้งหมดจะตัดสินใจอย่างไร ขึ้นกับสถานการณ์ ซึ่งเราเคารพอยู่แล้วทุกพรรคต้องพิจารณาตามสถานการณ์การเมือง