นายศรัณยู มีทองคำ ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ เปิดเผยต่อที่ประชุมกองอำนวยการการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) เพื่อติดตามสถานการณ์อุทกภัยและดินถล่มจากอิทธิพลของพายุ “คาจิกิ” และพายุ “หนองฟ้า” ผ่านระบบประชุมอิเล็กทรอนิกส์ ว่า จากอิทธิพลของพายุ “หนองฟ้า” ส่งผลให้เกิดฝนตกหนักต่อเนื่องในพื้นที่จังหวัดเพชรบูรณ์ เมื่อคืนวันที่ 31 สิงหาคมที่ผ่านมา โดยเฉพาะในอำเภอหล่มเก่าและอำเภอน้ำหนาว ซึ่งเป็นพื้นที่ต้นน้ำสำคัญของแม่น้ำป่าสักและห้วยน้ำพุง ทำให้เกิดน้ำป่าไหลหลากและน้ำล้นตลิ่งไหลเข้าท่วมหลายพื้นที่ ส่วนความเสียหายที่สำคัญ พบว่าในอำเภอน้ำหนาว มีบ้านเรือนราษฎรเสียหาย 179 หลัง พื้นที่เกษตรกว่า 700 ไร่ ส่วนอำเภอหล่มเก่า มีบ้านเรือนเสียหาย 490 หลัง โรงเรียน 1 แห่ง และถนน 1 สาย ขณะที่อำเภอหล่มสัก ได้รับผลกระทบหนักที่สุด มีพื้นที่เสียหาย 5 ตำบล 50 หมู่บ้าน รวมถึงเขตเทศบาลเมืองหล่มสัก 11 ชุมชน บ้านเรือนเสียหายกว่า 7,000 หลัง โรงเรียน 17 แห่ง ถนน 1 สาย ประชาชนได้รับผลกระทบกว่า 8,000 คน อย่างไรก็ตาม ไม่มีรายงานผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต
ผู้ว่าฯ เพชรบูรณ์ กล่าวเสริมว่า ขณะนี้หลายพื้นที่สถานการณ์เริ่มคลี่คลาย น้ำลดเข้าสู่ภาวะปกติแล้วบางส่วน มีหน่วยงานในพื้นที่ ทั้งท้องถิ่น ภาคเอกชน กาชาด ทหาร และมูลนิธิต่างๆ เข้าช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง ส่วนพื้นที่ลุ่มต่ำและท้ายน้ำ ยังคงเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากน้ำที่ไหลมาสมทบเพิ่มเติม
