นายเดช เล็กวิชัย รองอธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยต่อที่ประชุมกองอำนวยการการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) เพื่อติดตามสถานการณ์อุทกภัยและดินถล่มจากอิทธิพลของพายุ “คาจิกิ” และพายุ “หนองฟ้า” ณ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ว่า อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั่วประเทศ ยังสามารถรองรับน้ำได้อีกประมาณร้อยละ 30 หรือราว 23,000 ล้านลูกบาศก์เมตร จึงยังไม่น่าเป็นห่วง แม้ในเดือนกันยายนนี้จะมีฝนใกล้เคียงค่าปกติ
สำหรับสถานการณ์น้ำในแม่น้ำและลำคลองที่กรมชลประทานดูแล พบว่ามีปริมาณเฉลี่ยร้อยละ 52 โดยแม่น้ำปิงที่จังหวัดกำแพงเพชรมีเพียงร้อยละ 20 เนื่องจากเขื่อนภูมิพลยังสามารถเก็บกักน้ำได้ ส่วนแม่น้ำน่านที่สถานีวัดระดับน้ำอำเภอเมืองพิจิตร ปัจจุบันมีปริมาณน้ำสูงกว่าตลิ่งราว 50 เซนติเมตร เนื่องจากมีการระบายน้ำต่อเนื่องจากเขื่อนสิริกิติ์เต็มศักยภาพ แต่ยังควบคุมให้ไม่กระทบพื้นที่ท้ายน้ำอย่างจังหวัดอุตรดิตถ์ได้ ขณะเดียวกัน แม่น้ำเจ้าพระยามีศักยภาพรองรับน้ำได้ถึง 2,700 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ปัจจุบันมีการระบายอยู่เพียงร้อยละ 50 เพื่อเตรียมรองรับฝนที่จะตกเพิ่มในภาคเหนือและภาคกลางตอนบนในสัปดาห์หน้า ส่วนแม่น้ำป่าสักที่จังหวัดเพชรบูรณ์ กรมชลประทานได้เพิ่มการระบายน้ำจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์เป็น 200 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เพื่อลดผลกระทบจากฝนที่ตกหนักในพื้นที่
นายเดช ยืนยันว่า ภาพรวมสถานการณ์น้ำในเขื่อนและลำน้ำหลักยังอยู่ในเกณฑ์รองรับได้ หากไม่มีพายุลูกใหม่เข้ามาในช่วงนี้และจะเร่งติดตามและปรับการบริหารจัดการน้ำอย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันความเสียหายต่อประชาชนในพื้นที่ลุ่มต่ำ