นายพิชิต สมบัติมาก อธิบดีกรมทรัพยากรธรณี เปิดเผยต่อที่ประชุมกองอำนวยการการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) เพื่อติดตามสถานการณ์อุทกภัยและดินถล่มจากอิทธิพลของพายุ “คาจิกิ” และพายุ “หนองฟ้า” ณ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ว่า กรมทรัพยากรธรณีได้จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการพิบัติภัย เพื่อสนับสนุนข้อมูลให้ศูนย์เตือนภัยแห่งชาติในการแจ้งเตือนประชาชนอย่างต่อเนื่อง
จากอิทธิพลพายุคาจิกิและหนองฟ้า ส่งผลให้หลายพื้นที่ยังมีความเสี่ยงต่อดินถล่ม เนื่องจากฝนตกหนักต่อเนื่องทำให้ดินมีความชุ่มน้ำสูง โดยมีพื้นที่ที่ต้องเฝ้าระวัง อาทิ จังหวัดเชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน พิษณุโลก เพชรบูรณ์ กำแพงเพชร สุโขทัย เลย นครนายก ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร ระนอง และจังหวัดพังงา
กรมทรัพยากรธรณี ได้ประสานเครือข่ายในพื้นที่ให้ติดตามและรายงานสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ขณะเดียวกัน กรมทรัพยากรธรณีกำลังเร่งติดตั้งเครื่องมือวัดการเคลื่อนตัวของมวลดินในหลายพื้นที่ ซึ่งจะช่วยให้สามารถแจ้งเตือนได้ล่วงหน้า 1 ถึง 3 ชั่วโมง ช่วยลดความสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนได้ดียิ่งขึ้น
ทั้งนี้ ข้อมูลทางธรณีวิทยาระบุว่า พื้นที่ภูเขาหลายแห่ง โดยเฉพาะปางอุ๋ง จังหวัดแม่ฮ่องสอน มีชั้นดินที่สะสมมานานกว่า 400 ล้านปี เป็นดินดาน ดินทรายและดินตะกอน ซึ่งเมื่อได้รับน้ำฝนต่อเนื่องจะเกิดการอุ้มน้ำและเสี่ยงต่อการพังทลายอย่างรวดเร็ว จึงขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงเพิ่มความระมัดระวังและติดตามประกาศเตือนภัยจากทางราชการอย่างใกล้ชิด