ครม. รับทราบข้อห่วงใย พม. เร่งผลักดันมาตรการส่งเสริมคนพิการเข้าสู่ตลาดแรงงาน ตาม พ.ร.บ. ปี 2550

คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เสนอ ดังนี้

1. รับทราบรายงานผลการปฏิบัติตามกฎหมายจ้างงานคนพิการในหน่วยงานของรัฐ ประจำปี 2566 – 2567

2. ให้หน่วยงานของรัฐซึ่งมีผู้ปฏิบัติงานตั้งแต่ 100 คนขึ้นไป เร่งรัดดำเนินการจ้างงานคนพิการตามที่กฎหมายกำหนดให้ครบถ้วนภายในปี 2568 และจัดทำรายงานการจ้างงานคนพิการประจำปีต่อ
กรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พม.

3. มอบหมายให้กรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พม. รวบรวมรายงานผลการจ้างงานคนพิการของหน่วยงานรัฐทุกหน่วยงาน ภายในวันที่ 31 ธันวาคมของทุกปีและจัดทำประกาศหน่วยงานที่ปฏิบัติหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรา 33 และมาตรา 35 ต่อสาธารณะอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง โดยอาศัยอำนาจตามมาตรา 39 แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ. 2550 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
(ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2556 (พระราชบัญญัติฯ)

สาระสำคัญของเรื่อง

พม. โดยกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ รายงานว่า ตามพระราชบัญญัติฯ มาตรา 33 ให้นายจ้าง เจ้าของสถานประกอบการ และหน่วยงานของรัฐ ต้องรับคนพิการเข้าทำงานในอัตราส่วนที่เหมาะสมกับจำนวนพนักงาน ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานมีอำนาจออกกฎกระทรวงกำหนดจำนวนที่ต้องรับเข้าทำงาน และมาตรา 35 หากหน่วยงานของรัฐหรือนายจ้างไม่รับคนพิการเข้าทำงานตามมาตรา 33 และไม่ประสงค์ส่งเงินเข้ากองทุนตามมาตรา 34 อาจดำเนินการโดยวิธีอื่นแทน เช่น การให้สัมปทาน จัดสถานที่จำหน่ายสินค้า/บริการ จัดจ้างเหมาช่วงหรือเหมาบริการ ฝึกงาน จัดหาอุปกรณ์ สิ่งอำนวยความสะดวก ล่ามภาษามือ หรือการช่วยเหลืออื่น ๆ แก่คนพิการหรือผู้ดูแล ทั้งนี้ ต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการแห่งชาติกำหนดในระเบียบ พ.ศ. 2558

โดยรายงานผลการจ้างงานคนพิการในหน่วยงานของรัฐประจำปี 2566 – 2567 พบว่า มีหน่วยงานของรัฐที่มีการจ้างงานคนพิการตามมาตรา 33 และการดำเนินการส่งเสริมอาชีพตามมาตรา 35 แห่งพระราชบัญญัติฯ ครบตามอัตราส่วนที่กฎหมายกำหนด อัตราส่วน 100:1 (อัตราส่วนผู้ปฏิบัติงานที่ไม่ใช่คนพิการทุกหนึ่งร้อยคนต่อคนพิการหนึ่งคน) จำนวน 3 กระทรวง ได้แก่ กระทรวงคมนาคม (คค.) กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) และกระทรวงแรงงาน (รง.)

สรุปผลการจ้างงานคนพิการในหน่วยงานของรัฐในภาพรวม ประจำปี 2566 – 2567

ประจำปีจำนวนผู้ปฏิบัติงาน (คน)จำนวนคนพิการ ที่ต้องรับเข้าทำงาน ตามกฎหมาย  (อัตรา 100:1 คน)ผลการจ้างงานคนพิการ
มาตรา 33 (คน)มาตรา 35 (คน)รวมการจ้างงานคนพิการ (คน)คิดเป็น ร้อยละ
25661,899,35118,9962,9338913,82420.13
25671,862,17418,6212,9381,7544,69225.20

*หมายเหตุ : ข้อมูล ณ วันที่ 27 ธันวาคม 2567 ไม่รวมกระทรวงกลาโหม เนื่องจากเป็นภารกิจด้านความมั่นคงจึงไม่สามารถแจ้งยอดเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานในสังกัดต่าง ๆ ทั้งหมดได้

ทั้งนี้ คณะกรรมการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการแห่งชาติ (กพช.) ในการประชุมครั้งที่ 1/2568 เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2568 มีมติรับทราบรายงานผลการปฏิบัติตามกฎหมายการจ้างงานคนพิการดังกล่าวและมอบหมายให้ พม. โดยกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ รายงานผลการดำเนินงานจ้างงานคนพิการ ในหน่วยงานของรัฐ ประจำปี 2566 – 2567 และเสนอคณะรัฐมนตรีรับทราบ

สำหรับแผนการขับเคลื่อนการจ้างงานคนพิการในหน่วยงานของรัฐ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568

(1) ประชาสัมพันธ์ให้หน่วยงานของรัฐ ซึ่งมีผู้ปฏิบัติงานตั้งแต่ 100 คนขึ้นไป ดำเนินการจ้างงานคนพิการให้ครบตามอัตราส่วนที่กฎหมายกำหนด

(2) ประชุมชี้แจงแนวทางการปฏิบัติตามกฎหมายการจ้างงานคนพิการในหน่วยงานของรัฐในเดือนมีนาคมของทุกปี เพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับขั้นตอน รูปแบบ และวิธีการในการดำเนินการตามมาตรา 33 และมาตรา 35 ให้กับเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบ อันจะนำไปสู่การส่งเสริมให้หน่วยงานของรัฐสามารถจ้างงานคนพิการครบตามอัตราส่วนที่กฎหมายกำหนด

(3) มีหนังสือแจ้งหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน หน่วยงานอิสระ สถาบันการศึกษา และกระทรวงต่าง ๆ เพื่อขอความร่วมมือปฏิบัติตามกฎหมายและรายงานผลการจ้างงานคนพิการมายังกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ

(4) เข้าพบผู้บริหารหน่วยงานของรัฐเพื่อหารือการจ้างงานคนพิการในหน่วยงานของรัฐให้ปฏิบัติได้ครบตามอัตราส่วนที่กฎหมายกำหนด

(5) ดำเนินการประกาศโฆษณาตามมาตรา 39 แห่งพระราชบัญญัติฯ

(6) รวบรวมข้อมูลรายงานผลการจ้างงานคนพิการประจำปีของหน่วยงานของรัฐทุกหน่วยงาน
ในวันที่ 31 ธันวาคมของทุกปี เพื่อนำเสนอ กพช. และคณะรัฐมนตรีต่อไป

ประโยชน์ของการดำเนินการ

(1) เพื่อแสดงศักยภาพทางด้านทักษะและความสามารถของคนพิการ

(2) เพื่อส่งเสริมให้คนพิการมีอาชีพ มีรายได้ สามารถเลี้ยงดูครอบครัวและใช้ชีวิตประจำวันได้เหมือนบุคคลทั่วไป

(3) เพื่อลดความเหลื่อมล้ำและเสริมสร้างความมั่นใจในการเห็นคุณค่าของคนพิการ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง