ระบายน้ำเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มขึ้น รองรับปริมาณน้ำตอนบนไหลหลากสมทบ

นายสุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ในฐานะประธานการประชุมคณะอนุกรรมการอำนวยการด้านบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ครั้งที่ 13 กล่าวว่า ประชุมคณะอนุกรรมการอำนวยการด้านบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ได้มีมติเห็นชอบปรับการระบายน้ำเขื่อนเจ้าพระยาให้อยู่ระหว่าง 1,500 - 2,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ตามที่กรมชลประทานเสนอ เนื่องจากคาดการณ์ที่สถานี C.2 อำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์ จะมีน้ำไหลผ่านช่วงเดือนกันยายนประมาณ 900 - 2,300 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ประกอบกับ จะมีปริมาณน้ำจากแม่น้ำสะแกกรังและลำน้ำสาขาไหลหลากลงมาสมทบอีกกว่า 100 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ส่งผลให้ปริมาณน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยาอยู่ที่ 2,000 - 2,400 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ขณะเดียวกัน ยังได้ผันน้ำเข้าระบบชลประทานสองฝั่งของแม่น้ำเจ้าพระยาในอัตรา 350 – 400 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งการระบายน้ำดังกล่าวส่งผลกระทบต่อพื้นที่นอกคันกั้นน้ำในพื้นที่คลองโผงเผง จังหวัดอ่างทอง คลองบางบาล ,ตำบลหัวเวียง อำเภอเสนา ,ตำบลลาดชิด ตำบลท่าดินแดง อำเภอผักไห่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ที่อยู่ติดกับแม่น้ำน้อย โดยระดับน้ำจะเพิ่มสูงขึ้นจากเดิม 30 เซนติเมตร – 1.10 เมตร ขอให้ประชาชนในพื้นที่เตรียมยกของขึ้นที่สูงเพื่อป้องกันความเสียหาย

เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ย้ำว่า ผลกระทบจากอิทธิพลพายุ “หนองฟ้า” ส่งผลให้ลุ่มน้ำยมและลุ่มน่านไหลลงมาสมทบ ขณะนี้ปริมาณน้ำที่ไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยาอยู่ที่ 1,500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที และจะปรับเพิ่มเป็น 1,980 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที จากนั้นจะปรับลดลงมาให้อยู่ที่ 1,600 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เริ่มตั้งแต่วันที่ 6 กันยายนนี้ หากปริมาณน้ำเหนือไม่ไหลหลากลงมาเพิ่มเติมมากนักและยังสามารถบริหารจัดการได้จะพยายามปรับลดการระบายน้ำเขื่อนเจ้าพระยาลง โดยใช้ศูนย์บริหารจัดการน้ำส่วนหน้า (ชั่วคราว) ในพื้นที่เสี่ยงอุทกภัยภาคกลาง เป็นกลไกรับมือสถานการณ์น้ำและฝนช่วงเดือนกันยายนถึงตุลาคมนี้

ข่าวที่เกี่ยวข้อง