หน่วยงานรัฐ เร่งช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ปภ. เตือน 10 จังหวัดภาคกลาง–กทม. เฝ้าระวังน้ำเจ้าพระยาเพิ่มสูงขึ้น

นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากศูนย์บริหารการดูแลกลุ่มเปราะบางจากภัยพิบัติ (ศบปภ.) กระทรวง พม. ในการช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางและประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากพายุ “หนองฟ้า” ที่ทำให้เกิดน้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมหนักในพื้นที่หลายจังหวัด ได้แก่

จังหวัดพิษณุโลก มีพื้นที่ได้รับผลกระทบ 5 อำเภอ 23 ตำบล 61 หมู่บ้าน 283 ครัวเรือน มีกลุ่มเปราะบางได้รับผลกระทบ 1,426 คน ไม่มีผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิต โดยบูรณาการร่วมกับทางจังหวัดพิษณุโลก มีการเตรียมพื้นที่จุดอพยพและศูนย์พักพิงชั่วคราว จำนวน 194 แห่ง โดยทีม พม.หนึ่งเดียวจังหวัดพิษณุโลก ได้ลงพื้นที่อำเภอบางระกำเพื่อเยี่ยมให้กำลังใจกลุ่มเปราะบางและประชาชนผู้ประสบภัย ได้รับผลกระทบด้านที่อยู่อาศัยในชุมชนคุ้มแม่ย่าและชุมชนสันเขื่อน รวม 31 ครอบครัว ซึ่งอำเภอบางระกำได้รับการสนับสนุนเรื่องที่พักอาศัยชั่วคราว จากสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) (พอช.) จำนวน 22 หลัง และได้ลงพื้นที่ตำบลชมพูและตำบลบางระกำ มอบเครื่องอุปโภคบริโภคที่จำเป็น เช่น ผ้าอ้อมสำเร็จรูปสำหรับผู้ใหญ่ น้ำดื่ม นมกล่องสำหรับเด็กเล็ก พร้อมพิจารณาให้การช่วยเหลือเป็นเงินสงเคราะห์ครอบครัวกลุ่มเปราะบาง 15 ครัวเรือน และยังจัดทีมเจ้าหน้าที่ พม. เฝ้าระวังติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด และเตรียมความพร้อมของบุคลากรและยานพาหนะเพื่อรับมือกับสถานการณ์ที่อาจรุนแรงขึ้น

จังหวัดหนองบัวลำภู เร่งให้การสนับสนุนเรื่องที่พักอาศัยชั่วคราว และจัดทีมเจ้าหน้าที่ช่วยเหลือส่งต่อผู้ประสบภัยในพื้นที่ และมอบถุงยังชีพ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนเบื้องต้น และติดตามเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด

จังหวัดขอนแก่น ทีม พม.จังหวัด มอบเครื่องอุปโภคบริโภคที่จำเป็น เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน และสนับสนุนนักสังคมสงเคราะห์กระทรวง พม. ร่วมกับทีมเจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุข เพื่อให้กำลังใจเยียวยาสภาพจิตใจ และวางแผนติดตามการให้ความช่วยเหลือต่อไป

จังหวัดเชียงใหม่ นายศิวกร บัวป้อง รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ศูนย์พัฒนาราษฎรบนพื้นที่สูงจังหวัดเชียงใหม่ และ พม.จังหวัด ติดตามผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์อุทกภัยและดินโคลนถล่ม ณ บ้านปางอุ๋ง หมู่ 1 ตำบลแม่ศึก อำเภอแม่แจ่ม เร่งช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างใกล้ชิด มีประชากร จำนวน 1,727 คน 355 ครัวเรือน ได้รับความเสียหายจำนวน 100 ครัวเรือน มีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็น 8 ราย และมีผู้พักอาศัยในศูนย์พักพิง จำนวน 145 คน แบ่งเป็น ชาย 73 คน และหญิง 72 คน โดยเจ้าหน้าที่ พม. จะประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าให้การช่วยเหลือตามกระบวนการต่อไป

ทางด้าน กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) โดยศูนย์ ปภ. เขต 15 เชียงราย ได้เข้าฟื้นฟูพื้นที่บ้านปางอุ๋ง หมู่ 1 และหมู่ 18 โดยนำรถขุด รถบรรทุก และเครื่องจักรกลหนักเข้าขนย้ายดินโคลนและเศษวัสดุ ปรับผิวถนน รวมถึงล้างทำความสะอาดเส้นทางและลำห้วย เพื่อคืนสภาพพื้นที่และอำนวยความสะดวกให้ประชาชน

นอกจากนี้ ยังได้ระดมทีมปฏิบัติการเข้าฟื้นฟูพื้นที่ประสบภัยน้ำป่าไหลหลากและดินโคลนถล่มบ้านผาบ่อง ตำบลผาบ่อง อำเภอเมือง จ.แม่ฮ่องสอน อย่างต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 4 กันยายน 2568 โดยนำเครื่องจักรกลหนักเข้าปรับพื้นที่ เคลียร์หิน ดิน โคลน และซากไม้ รวมถึงเกลี่ยดินรอบบ้านพักผู้ประสบภัย พร้อมเร่งเปิดเส้นทางที่ถูกดินสไลด์ปิดทับ ทั้งถนนสายแม่ฮ่องสอน–เชียงใหม่ (ทางหลวง 108) และถนนเข้าบ้านหนองเขียว ตำบลทุ่งโป่ง ซึ่งเสียหายยาวกว่า 300 เมตร ให้กลับมาใช้สัญจรได้ตามปกติ

ขณะเดียวกัน ปภ. ได้ประสาน 10 จังหวัดภาคกลาง ได้แก่ อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี ปทุมธานี นนทบุรี สมุทรปราการ และกรุงเทพมหานคร เฝ้าระวังสถานการณ์ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มสูงขึ้น ตั้งแต่วันที่ 5 กันยายน 2568 เป็นต้นไป ให้จัดเจ้าหน้าที่ติดตามเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะพื้นที่ลุ่มต่ำนอกคันกั้นน้ำ พร้อมประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องภาคเอกชนที่ประกอบกิจการในแม่น้ำ ประชาชนที่อาศัยอยู่ริมสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา จุดเสี่ยงที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำให้เฝ้าระวังระดับน้ำและเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์น้ำ รวมถึงแจ้งจังหวัดประสานท้องถิ่นและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบแนวคันกั้นน้ำ จัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์ เครื่องจักรกลด้านสาธารณภัย เจ้าหน้าที่ติดตามเฝ้าระวังสถานการณ์ และเตรียมความพร้อมปฏิบัติการให้ความช่วยเหลือประชาชนตลอด 24 ชั่วโมง

อย่างไรก็ตาม ปภ. ได้รับแจ้งว่า กรมชลประทานคาดการณ์ปริมาณน้ำ 1 – 9 วันข้างหน้า โดยวันที่ 5 กันยายน 2568 ที่สถานี C.2 อำเภอเมืองนครสวรรค์ จ.นครสวรรค์ จะมีปริมาณน้ำไหลผ่านประมาณ 1,900 – 2,300 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที และคาดการณ์ปริมาณน้ำจากแม่น้ำสะแกกรังและลำน้ำสาขาอีกประมาณ 100 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ทำให้ปริมาณน้ำที่เหนือเขื่อนเจ้าพระยา มีปริมาณระหว่าง 2,000-2,400 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที และรับน้ำเข้าระบบชลประทาน 2 ฝั่ง ในอัตรา 350 – 400 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที จึงจำเป็นต้องระบายน้ำผ่านท้ายเขื่อนเจ้าพระยา ในอัตราระหว่าง 1,500 – 2,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ส่งผลให้ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นอีกประมาณ 0.30 – 1.10 เมตร ในพื้นที่ลุ่มต่ำนอกคันกั้นน้ำบริเวณคลองโผงเผง จ.อ่างทอง คลองบางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา และตำบลหัวเวียง อำเภอเสนา ตำบลลาดชิด ตำบลท่าดินแดง อำเภอผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา (แม่น้ำน้อย)

ทั้งนี้ ปภ. ขอให้ประชาชนติดตามข่าวสารและปฏิบัติตามคำแนะนำของทางการอย่างใกล้ชิด พร้อมเตรียมความพร้อมรับมือ หากได้รับความเดือดร้อนจากสาธารณภัย สามารถแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือได้ที่ ไลน์ “ปภ. รับแจ้งเหตุ 1784” (Line ID: @1784DDPM) หรือสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง และติดตามประกาศเตือนภัยได้ผ่านแอปพลิเคชัน “THAI DISASTER ALERT” ทุกที่ ทุกเวลา

ข่าวที่เกี่ยวข้อง