อุตุฯ เตือนฝนตกหนักทั่วไทย จังหวัดเฝ้าระวังเตรียมพร้อมรับมืออุทกภัยเข้าช่วยเหลือประชาชนทันที

อุทกภัย

ช่วยเหลือ

ประชาชน

กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์ว่า ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคใต้ รวมถึงกรุงเทพมหานครและปริมณฑล จะมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยเฉพาะภาคตะวันออก เช่น นครนายก ปราจีนบุรี และตราด อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ลาดเชิงเขา ทางน้ำไหลผ่าน และพื้นที่ลุ่ม

ช่วงวันที่ 6-7 และ 10-11 กันยายน 2568 จะมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ เนื่องจากร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางที่ปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทยและอ่าวไทย ขณะที่วันที่ 8-9 กันยายน ปริมาณฝนจะลดลง   แต่ยังมีฝนตกหนักบางแห่ง จากร่องมรสุมที่เลื่อนขึ้นไปพาดผ่านภาคเหนือและอีสานตอนบน

สำหรับพายุดีเปรสชันบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน คาดว่าจะขึ้นฝั่งประเทศจีนตอนใต้ในวันที่ 8-9 กันยายน โดยไม่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อประเทศไทย

ขณะที่ นายอรรถกร ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลงพื้นที่จังหวัดเลย ติดตามสถานการณ์น้ำและโครงการชลประทานพร้อมพบปะเกษตรกร หลังสถานการณ์อุทกภัยจากอิทธิพลของพายุหนองฟ้า ช่วงวันที่ 30 สิงหาคม – 2 กันยายน 2568 ทำให้เกิดฝนตกหนักและน้ำท่วมหลายพื้นที่ทางการเกษตร ใน 7 อำเภอ 35 ตำบล 78 หมู่บ้าน มีประชาชนได้รับผลกระทบ 1,692 ครัวเรือน คาดพื้นที่เสียหายกว่า 6,859 ไร่ ได้แก่ ข้าว 6,001 ไร่ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ 326 ไร่ อ้อย 525 ไร่ และปาล์มน้ำมัน 7 ไร่ ด้านประมงเสียหายรวม 108 ไร่ อยู่ระหว่างการเร่งสำรวจเพื่อดำเนินการเยียวยาช่วยเหลือตามระเบียบอย่างเร่งด่วน รวมทั้งบูรณาการกับหน่วยงานท้องถิ่น บรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกรอย่างทั่วถึงและทันเวลา และให้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมจัดทำแผนฟื้นฟูและมาตรการป้องกัน พร้อมกันนี้ ได้มอบเมล็ดพันธุ์ผัก เมล็ดพันธุ์ปอเทือง เมล็ดพันธุ์ถั่วเหลือง พันธุ์ปลา เมล็ดพันธุ์ข้าว โฉนดเพื่อการเกษตรและโฉนดต้นยางพารา รวมถึงอาหารสัตว์และเวชภัณฑ์สัตว์ เสบียงอาหารสัตว์ จำนวน 5,000 กิโลกรัม

ทั้งนี้ จังหวัดเลยมีแหล่งน้ำที่สำคัญ ได้แก่ แม่น้ำเลย แม่น้ำพอง และห้วยน้ำหมาน ฤดูฝนมีปริมาณน้ำมากแต่สามารถกักเก็บได้จำกัดส่งผลกระทบช่วงฤดูแล้ง จึงได้เร่งรัดโครงการพัฒนา อาทิ ประตูระบายน้ำศรีสองรักเพิ่มพื้นที่ชลประทานกว่า 59,000 ไร่ และก่อสร้างฝายยางบ้านท่ามะนาว (2568–2570) ช่วยเกษตรกรกว่า 800 ครัวเรือน รวมทั้งผลักดันฝายยางบ้านปากหมากและการปรับปรุงประตูระบายน้ำศรีสองรัก เพื่อเพิ่มศักยภาพกักเก็บและระบายน้ำด้วย

จังหวัดมหาสารคาม นายพัฒนะ พลศรี หัวหน้าฝ่ายจัดสรรน้ำ โครงการชลประทานมหาสารคาม เปิดเผยสถานการณ์น้ำในแม่น้ำชี อยู่ในเกณฑ์เฝ้าระวังระดับน้ำมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นโดยปริมาณฝนสะสม 746.6 มิลลิเมตร (มม.) สูงสุด 2.8 มม. ที่อ่างหนองบัว อ.กันทรวิชัย อ่างเก็บน้ำขนาดกลาง 17 แห่ง มีน้ำ 44.61 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) ยังรองรับน้ำได้อีก 36.79 ล้าน ลบ.ม. เขื่อนอุบลรัตน์และเขื่อนลำปาวมีน้ำ 53.85% และ 63.19% ของความจุตามลำดับ ระดับน้ำในแม่น้ำชีอยู่ในเกณฑ์ปกติ แต่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยเขื่อนมหาสารคามและเขื่อนวังยางมีปริมาณน้ำเกินความจุ 100% ขึ้นไป และอ่างเก็บน้ำที่มีปริมาณเกิน 80% มี 5 แห่ง และต่ำกว่า 30% มี 3 แห่ง ด้านการเพาะปลูก ฤดูฝนปี 2568 พื้นที่ชลประทานขนาดกลาง 51,120 ไร่ และสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้า 176,693 ไร่ ปลูกแล้ว 100%

สำหรับการช่วยเหลือ เร่งเดินเครื่องสูบน้ำต่อเนื่องที่ประตูระบายน้ำท่าตูม และสนับสนุนเครื่องสูบน้ำเคลื่อนที่ในพื้นที่เกษตร อ.โกสุมพิสัย กว่า 1,000 ไร่ โดยรวมสถานการณ์อ่างฯ ขนาดกลางอยู่ในเกณฑ์ปกติ ส่วนแม่น้ำชีต้องเฝ้าระวังใกล้ชิด

จังหวัดอำนาจเจริญ นายกันตสิษย์ ธนพนพิพัฒน์ ผู้อำนวยการโครงการชลประทานอำนาจเจริญ เปิดเผยว่า ขณะนี้ปริมาณน้ำในลำเซบายเพิ่มสูงแตะระดับวิกฤติ และยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากอิทธิพลของฝนที่ตกหนักด้านต้นน้ำจังหวัดมุกดาหาร ยโสธร และหลายพื้นที่ของจังหวัด เพื่อรองรับและบรรเทาสถานการณ์น้ำหลาก โครงการชลประทานอำนาจเจริญได้ดำเนินการปรับเพิ่มการระบายน้ำเต็มกำลัง โดยเปิดบานระบายทั้ง 4 บานของเขื่อนลำเซบาย รวมทั้งยุบฝายยางทั้งหมด เพื่อเร่งระบายน้ำออกสู่ท้ายน้ำ และป้องกันความเสียหายต่อพื้นที่ลุ่มต่ำ ปัจจุบันระดับน้ำที่สะพานบ้านดอนว่าน อ.หัวตะพาน วัดได้ 3.55 เมตร ห่างจากตลิ่งเพียง 45 เซนติเมตร ได้ปักธงแดงและถือว่าอยู่ในระดับวิกฤติ ต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด และแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่เสี่ยง ได้แก่ อ.เมืองอำนาจเจริญ อ.หัวตะพาน โดยเฉพาะพื้นที่การเกษตรและบ้านเรือนที่อยู่ใกล้ตลิ่งให้เฝ้าระวังน้ำเอ่อล้นตลิ่ง

จังหวัดอุบลราชธานี นายภพ ภูสมปอง รองผู้ว่าราชการจังหวัด รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ติดตามสถานการณ์น้ำป้องกันอุทกภัยพื้นที่ลุ่มต่ำอ.วารินชำราบ และ อ.เมืองอุบลราชธานี ณ บริเวณประตูระบายน้ำวัดเสนาวงศ์ และบริเวณชุมชนวังแดง เขตเทศบาลนครอุบลราชธานี เพื่อบริหารจัดการน้ำให้เหมาะสมกับสถานการณ์ โดยช่วงที่ผ่านมามีฝนตกหนักอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้แม่น้ำมูลเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ลุ่มต่ำ สำนักงานชลประทานที่ 7 ได้ติดตั้งเครื่องสูบน้ำด้วยระบบไฟฟ้า 3 เครื่อง และเครื่องสูบน้ำด้วยระบบไฮดรอลิก 1 เครื่อง สามารถระบายน้ำออกจากพื้นที่ประมาณ 243,600 ลบ.ม.ต่อวัน

จังหวัดนครสวรรค์ นางสาวชุติพร เสชัง ผู้ว่าราชการจังหวัดนครสวรรค์ สั่งการให้สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด (ปภ.) ลงพื้นที่ช่วยเหลือ พร้อมอพยพผู้อยู่อาศัยในจุดเสี่ยงไปยังศูนย์พักพิงชั่วคราว ณ ศูนย์อนามัยจังหวัดหลังเดิม พร้อมจัดสิ่งของอุปโภคบริโภคเพื่อบรรเทาความเดือดร้อน หลังมีฝนตกสะสมจำนวนมาก ทำให้เกิดดินสไลด์ในพื้นที่ ต.แควใหญ่ อ.เมืองนครสวรรค์ ส่งผลกระทบต่อบ้านเรือนริมแม่น้ำ 13 หลังคาเรือน และอีก 3 หลังคาเรือนอยู่ในจุดเสี่ยงสูง แต่มีเพียง 1 หลังที่สมัครใจย้ายออกไปทันที อย่างไรก็ตาม การแก้ไขระยะยาว สำนักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดแจ้งว่า ได้รับจัดสรรงบประมาณปี 2569 เพื่อก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งในพื้นที่ดังกล่าวแล้ว

อย่างไรก็ตาม ปภ. ขอให้ประชาชนติดตามข่าวสารและปฏิบัติตามคำแนะนำของทางการอย่างใกล้ชิด พร้อมเตรียมความพร้อมรับมือ หากได้รับความเดือดร้อนจากสาธารณภัย สามารถแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือได้ที่ ไลน์ “ปภ. รับแจ้งเหตุ 1784” (Line ID: @1784DDPM) หรือสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง และติดตามประกาศเตือนภัยได้ผ่านแอปพลิเคชัน “THAI DISASTER ALERT” ทุกที่ทุกเวลา

ส่วนการตรวจสอบสภาพอากาศสามารถติดตามข้อมูลที่เว็บไซต์กรมอุตุนิยมวิทยา http://www.tmd.go.th หรือที่ 0-2399-4012-13 และ 1182 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง