ศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ (SWOC) กรมชลประทาน ติดตามสถานการณ์น้ำในลุ่มน้ำเจ้าพระยา โดยเขื่อนเจ้าพระยา จังหวัดชัยนาท ได้ปรับเพิ่มการระบายน้ำมาอยู่ที่ 1,600 ลบ.ม.ต่อวินาที และคงอัตราดังกล่าวต่อเนื่องเพื่อให้สอดคล้องกับปริมาณน้ำทางตอนบนและฝนที่ตกในระยะนี้ ส่งผลให้ที่สถานี C.2 จังหวัดนครสวรรค์ มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 1,943 ลบ.ม.ต่อวินาที มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ระดับน้ำยังต่ำกว่าตลิ่ง 3.06 เมตร และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ส่วนระดับน้ำท้ายเขื่อนยังต่ำกว่าตลิ่ง 3.26 เมตร มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันได้มีการผันน้ำบางส่วนเข้าระบบชลประทานทั้ง 2 ฝั่งของแม่น้ำเจ้าพระยา ส่งผลให้พื้นที่นอกคันกั้นน้ำได้รับผลกระทบ บริเวณคลองโผงเผง จังหวัดอ่างทอง คลองบางบาล ตำบลหัวเวียง อำเภอเสนา ตำบลลาดชิด ตำบลท่าดินแดง อำเภอผักไห่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ที่อยู่ติดกับแม่น้ำน้อย ขอให้ประชาชนในพื้นที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาเฝ้าระวังและติดตามข้อมูลสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด
(8 ก.ย. 68) เวลา 06.00 น. จะทยอยปรับเพิ่มการระบายน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยา จากอัตรา 1,600 ลบ.ม.ต่อวินาที เป็นอัตรา 1,700 ลบ.ม.ต่อวินาที ต่อเนื่องไปจนถึงเวลา 16.00 น. และหลังจากนั้นจะคงอัตราดังกล่าวต่อเนื่อง
จังหวัดพระนครศรีอยุธยา นายนิวัฒน์ รุ่งสาคร ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่หน้าที่ว่าการอำเภอเสนาเพื่อติดตามสถานการณ์น้ำ หลังได้รับแจ้งจากกรมชลประทานจำเป็นต้องระบายน้ำผ่านท้ายเขื่อนเจ้าพระยา ในอัตราระหว่าง 1,500-2,000 ลบ.ม.ต่อวินาที ส่งผลให้ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นจากปัจจุบันอีกประมาณ 0.30-1.10 เมตร จึงติดตามสถานการณ์น้ำ และความพร้อมในการป้องกันน้ำล้นตลิ่งเข้าสู่พื้นที่เศรษฐกิจของอำเภอเสนา โดยเฉพาะจุดล่อแหลม บริเวณเขื่อนป้องกันน้ำหน้าที่ว่าการอำเภอเสนา ขณะนี้พบระดับน้ำในแม่น้ำน้อยเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทางเทศบาลเมืองเสนา และอำเภอเสนา ได้ร่วมกันซ่อมแซมเขื่อนที่ทรุดตัวลง ระยะทางกว่า 250 เมตร ทางจังหวัดได้แจ้งเตือนประชาชนขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูง นอกจากนี้ ได้ประสานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ ตรวจสอบแนวคันกั้นน้ำและแนวป้องกันน้ำท่วมให้มีความแข็งแรง เพื่อป้องกันระดับน้ำล้นข้ามแนวคันกั้นน้ำ และจัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์ เครื่องจักรกลด้านสาธารณภัย เพื่อเตรียมความพร้อมปฏิบัติการให้ความช่วยเหลือประชาชนตลอด 24 ชั่วโมง
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย รายงานสถานการณ์อุทกภัยจังหวัดพระนครศรีอยุธยา จำนวน 5 อำเภอ ได้แก่ อ.เสนา อ.ผักไห่ อ.บางบาล อ.บางไทร และ อ.พระนครศรีอยุธยา เบื้องต้นประชาชนได้รับผลกระทบ 10,244 ครัวเรือน 37,903 คน โรงเรียน 17 แห่ง สถานที่ราชการ 3 แห่ง วัด 7 แห่ง ถนนในหมู่บ้าน 8 สาย ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าสำรวจความเสียหาย และให้การช่วยเหลือเบื้องต้นแล้ว ทั้งนี้ ศูนย์ ปภ. เขต 2 สุพรรณบุรี สนับสนุนเครื่องสูบส่งน้ำ ขนาด 14 นิ้ว 3 เครื่อง เรือท้องแบน พร้อมเครื่องยนต์ 3 ลำ เรือพาย 15 ลำ เต็นท์นอน 30 หลัง ปัจจุบันปริมาณน้ำท่าแม่น้ำเจ้าพระยา สถานีวัด C.67 ต.สะพานหัวเวียง อ.เสนา ระดับน้ำ 4.38 ม. สูงกว่าตลิ่ง 1.63 ม. แนวโน้มระดับน้ำเพิ่มขึ้น
นางสาวปนัดดา แสงสุวรรณ์ ปลัดประจำตำบลบ้านพลับ ลงพื้นที่เยี่ยมเยียนให้กำลังใจประชาชน โดยตำบลบ้านพลับมีพื้นที่ติดกับแม่น้ำเจ้าพระยา จากการสำรวจเบื้องต้นมีบ้านเรือนประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์แม่น้ำเจ้าพระยาล้นตลิ่ง รวมทั้งสิ้นประมาณ 160 ครัวเรือน จุดต่ำสุดอยู่บริเวณพื้นที่ระหว่างซอย 21 และซอย 25 ในพื้นที่หมู่ที่ 5 ตำบลบ้านพลับ ซึ่งประชาชนในบริเวณดังกล่าวได้รับผลกระทบมาแล้วไม่ต่ำกว่า 2 เดือน อำเภอบางปะอินจะเร่งให้การช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มกำลัง
ทางด้านกองพันทหารม้าที่ 11 กรมทหารม้าที่ 4 รักษาพระองค์ จัดกำลังพลดำเนินการเปิดแผ่นปูนสำหรับเตรียมความพร้อมในการติดตั้งพนังกั้นน้ำสแตนเลส บริเวณพื้นที่วัดกษัตราธิราชวรวิหาร เพื่อเตรียมความพร้อมในการรองรับสถานการณ์น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาที่เพิ่มระดับสูงขึ้น ณ วัดกษัตราธิราชวรวิหาร และ วัดธรรมาราม ตำบลบ้านป้อม อำเภอพระนครศรีอยุธยา
จังหวัดนครสวรรค์ ยังคงมีฝนตกชุกอย่างต่อเนื่องประกอบกับน้ำจากภาคเหนือ ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องเปิดประตูน้ำคลองบอระเพ็ดให้สูงขึ้นเพื่อเร่งผันน้ำเข้าบึงบอระเพ็ด ช่วยลดปริมาณน้ำที่จะไหลเข้ามาในลุ่มน้ำเจ้าพระยาและป้องกันไม่ให้น้ำท่วมในพื้นที่ต่าง ๆ นายจิระเดช บุญมาก หัวหน้าเขตห้ามล่าสัตว์ป่าบึงบอระเพ็ด เปิดเผยว่า บึงบอระเพ็ดสามารถรับน้ำตามธรรมชาติได้ 2 ช่องทางคือน้ำทุ่ง ด้านอำเภอไพศาลีและท่าตะโก ส่วนน้ำท่า ที่ไหลมาจากจังหวัดพิษณุโลกและพิจิตร ที่เอ่อล้นเข้าบึงจากทางแม่น้ำน่าน ที่สูงกว่าน้ำในบึงบอระเพ็ดประมาณ 20 เซนติเมตร ทำให้ทางจังหวัดนครสวรรค์ต้องรีบเปิดประตูเพื่อหน่วงน้ำ และกักเก็บน้ำรักษาระบบนิเวศ และตัดยอดน้ำบางส่วนที่จะลงไปยังเขื่อนเจ้าพระยา เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนจากปัญหาน้ำท่วมในจังหวัดลุ่มเจ้าพระยาตอนล่าง บึงบอระเพ็ด มีปริมาณน้ำ 133.67 ล้าน ลบ.ม. (คิดเป็นร้อยละ 56.94) จากที่กักเก็บได้ทั้งหมด 234.77 ล้าน ลบ.ม.
สำหรับการบริหารจัดการสถานการณ์น้ำในเขื่อนใหญ่ นายชวลิต สุราราช ผู้อำนวยการส่วนบริหารจัดการน้ำและบำรุงรักษา สำนักงานชลประทานที่ 3 เปิดเผยถึงสถานการณ์น้ำในลุ่มน้ำน่าน ปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนสิริกิติ์และเขื่อนแควน้อยยังคงอยู่ในระดับสูงกว่าค่าควบคุมตามเกณฑ์ Upper Rule Curve และระดับน้ำท้ายเขื่อนเริ่มลดลงต่อเนื่องจึงปรับแผนการระบายน้ำอย่างเหมาะสม ระหว่างวันที่ 8–14 กันยายน 2568 เขื่อนสิริกิติ์ คงการระบายน้ำวันละ 40 ล้าน ลบ.ม. (ประมาณ 463 ลบ.ม.ต่อวินาที) เพื่อรักษาระดับน้ำในเขื่อนและพื้นที่ท้ายเขื่อนให้เกิดความสมดุล เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน ปรับการระบายน้ำเป็น 6.48 ล้าน ลบ.ม.ต่อวัน (ประมาณ 75 ลบ.ม.ต่อวินาที) ส่วนวันที่ 9–14 กันยายน 2568 ปรับเพิ่มเป็น 7.78 ล้าน ลบ.ม.ต่อวัน (ประมาณ 90 ลบ.ม.ต่อวินาที) มีพื้นที่เฝ้าระวัง ได้แก่ พื้นที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำน่านในจังหวัดอุตรดิตถ์ พิษณุโลก และพิจิตร อาจได้รับผลกระทบจากระดับน้ำที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
จังหวัดอุดรธานี น้ำเขื่อนห้วยหลวง ปรับการระบายน้ำเพิ่มเป็น 2 ล้าน ลบ.ม.ต่อวัน วันที่ 8 ก.ย. 68 ระบายน้ำเพิ่มเป็น 4 ล้าน ลบ.ม.ต่อวัน ทำให้ระดับน้ำในลำห้วยหลวงเพิ่มสูงขึ้น และล้นตลิ่งในพื้นที่ลุ่มต่ำริมน้ำพื้นที่อำเภอเมือง อำเภอกุดจับ กระทบพื้นที่ในหลายตำบล โครงการชลประทานอุดรธานีเร่งนำกระสอบทรายทำแนวกันน้ำให้กับบ้านเรือนประชาชนที่อาศัยอยู่ติดกับลำห้วยหลวง โดยขอให้ผู้อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงยกของขึ้นที่สูง และดูแลกลุ่มเปราะบาง
จังหวัดร้อยเอ็ด ระดับน้ำในเขื่อนร้อยเอ็ด สูงกว่าระดับเก็บกักปกติ อยู่ที่ 131.98 ม.รทก. (เมตร เทียบกับระดับน้ำทะเลปานกลาง) ต่ำกว่าระดับตลิ่ง 52 เซนติเมตร จำเป็นต้องเปิดบานระบายน้ำจำนวน
6 บาน ตั้งแต่ 1 กันยายนที่ผ่านมา มีปริมาณการระบายรวมกว่า 60.77 ล้านลบ.ม.ต่อวัน เพื่อรองรับมวลน้ำที่ไหลเข้ามาจากอิทธิพลพายุ “หนองฟ้า” ส่งผลให้ระดับน้ำในแม่น้ำชีเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขอให้ประชาชนสองฝั่งแม่น้ำชี เฝ้าระวังระดับน้ำ
จังหวัดมหาสารคาม นายวรชิต โยธาศรี หัวหน้าฝ่ายส่งน้ำและบำรุงรักษาที่ 3 เปิดเผยว่า ฝนที่ตกสะสมในพื้นที่ส่งผลระดับน้ำในแม่น้ำชีเพิ่มสูงขึ้น น้ำในลำห้วยกุดเชียงสา เอ่อล้นท่วมพื้นที่การเกษตรในตำบลท่าตูม อำเภอเมือง ได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องออกสำรวจพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบเพื่อให้ความช่วยเหลืออย่างทั่วถึง ส่วนสถานการณ์น้ำในภาพรวม ปริมาณน้ำในอ่างขนาดกลาง 17 แห่ง มีปริมาณน้ำคิดเป็นร้อยละ 57 สามารถรับน้ำได้อีก 35.01 ล้าน ลบ.ม. เขื่อนมหาสารคาม ปริมาณน้ำคิดเป็นร้อยละ 128.54 เพิ่มขึ้น 0.21 ม. ได้เดินเครื่องสูบน้ำเพิ่มเติมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำ
จังหวัดพิจิตร ร้อยตำรวจโท ดร.มนัส โนนุช ประธานกรรมการมูลนิธิมิราเคิล ออฟไลฟ์ และประธานสมาคมสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลลงพื้นที่มอบสิ่งของ (ถุงยังชีพ) ตามโครงการ “น้ำพระทัยพระราชทาน” และโครงการ “หนึ่งใจช่วยเหลือผู้ประสบภัย” ให้แก่ประชาชนที่ประสบอุทกภัย ณ องค์การบริหารส่วนตำบลรังนก อ.สามง่าม จ.พิจิตร มีประชาชนได้รับความเดือดร้อน จำนวนทั้งสิ้น 1,239 หลังคาเรือน
จังหวัดหนองบัวลำภู กองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 8 จัดชุดเสนารักษ์ ร่วมกับพันเอก อาร์ม ยศสุนทร รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรหนองบัวลำภู และส่วนราชการในพื้นที่ลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลือด้านสาธารณสุขและแนะนำการปฏิบัติให้กับผู้สูงอายุและผู้ป่วยติดเตียง ณ ตำบลป่าไม้งาม อำเภอเมืองหนองบัวลำภู ตำบลหนองบัวใต้ และ ตำบลทรายทอง อำเภอศรีบุญเรือง จังหวัดหนองบัวลำภู
ทั้งนี้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ขอให้ประชาชนติดตามข่าวสารและปฏิบัติตามคำแนะนำของทางการอย่างใกล้ชิด เตรียมความพร้อมรับมือ สามารถแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือได้ที่ไลน์ “ปภ. รับแจ้งเหตุ 1784” (Line ID: @1784DDPM) หรือสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง และติดตามประกาศเตือนภัยได้ผ่านแอปพลิเคชัน “THAI DISASTER ALERT”