ปภ. ส่ง Cell Broadcast แจ้งเตือนน้ำท่วม กองทัพบก เร่งขนย้ายสิ่งของช่วยเหลือประชาชน

กรมอุตุนิยมวิทยา คาดการณ์ว่าประเทศไทยมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่ในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และภาคตะวันออก บริเวณจังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด อาจทำให้เกิดน้ำท่วมขังหรือน้ำรอการระบาย โดยเฉพาะในเขตชุมชนเมือง เช่น กรุงเทพมหานครและปริมณฑล รวมทั้งอาจเกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ช่วงวันที่ 9–11 กันยายน มีฝนตกหนักมากบางพื้นที่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ช่วงวันที่ 12–14 กันยายน ภาคเหนือตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน จะเริ่มมีฝนลดลง ส่วนภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ยังคงมีฝนตกหนักบางแห่ง

กรุงเทพมหานคร นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า ในพื้นที่เขตลาดกระบังมีฝนตกสูงสุดถึง 94 มิลลิเมตร ส่งผลให้ระดับน้ำที่ประตูระบายน้ำลาดกระบังสูงเกินระดับวิกฤติ +0.35 เมตร การระบายน้ำทำได้จำกัด เนื่องจาก จ.ฉะเชิงเทรา มีปริมาณน้ำมากไม่สามารถรองรับน้ำได้ จำเป็นต้องปรับการระบายน้ำผ่านประตูน้ำพระโขนงลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยาเป็นหลัก เพื่อรองรับสถานการณ์ต่อไป

จังหวัดสมุทรปราการ นายศุภมิตร ชิณศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ ในฐานะผู้อำนวยการกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสมุทรปราการ ส่งหนังสือถึงทุกหน่วยงานให้เร่งช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน จัดตั้งศูนย์รับแจ้งเหตุและช่วยเหลือประชาชน จัดชุดเคลื่อนที่เร็วเข้าถึงครัวเรือนที่ถูกน้ำท่วมโดยด่วน โดยให้ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์และสำรวจทุกซอย ทุกหมู่บ้านเพื่ออำนวยความสะดวก พร้อมประสานทุกพื้นที่จัดเจ้าหน้าที่เวรประจำจุดน้ำท่วมขัง และพร้อมช่วยเหลือตลอด 24 ชั่วโมง

ขณะเดียวกัน กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้ส่ง Cell Broadcast แจ้งเตือนหลายพื้นที่

  • เฝ้าระวังระดับน้ำแม่น้ำป่าสัก ที่สถานี S.42 ตำบลบ่อรัง เฝ้าระวังระดับน้ำแม่น้ำป่าสัก ที่สถานี S.42 ตำบลบ่อรัง วิเชียรบุรี จ.เพชรบูรณ์ มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง และใกล้ล้นตลิ่ง
  • ฝนตกหนักในพื้นที่ จังหวัดจันทบุรี อำเภอเมืองฯ อำเภอแหลมสิงห์ อำเภอขลุง อำเภอมะขาม อำเภอเขาคิชฌกูฏ ให้เฝ้าระวัง
    น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำล้นตลิ่ง ดินโคลนถล่ม ในพื้นที่เสี่ยงลุ่มต่ำและที่ลาดเชิงเขา
  • แม่น้ำปราจีนบุรีล้นตลิ่งในหลายตำบล เช่น ตำบลวังดาล ตำบลกบินทร์ ตำบลเมืองเก่า ตำบลย่านรี ตำบลบ่อทอง
    ตำบลวังตะเคียน อำเภอกบินทร์บุรี และพื้นที่ใกล้เคียง
  • เขื่อนเจ้าพระยาปรับอัตราระบายน้ำเพิ่มเป็น 1,700 ลบ.ม. ต่อวินาที ส่งผลกระทบประชาชนนอกคันกั้นน้ำ ที่ ม.1, 2 และ 3 ตำบลชีน้ำร้าย อำเภออินทร์บุรี และพื้นที่ใกล้เคียง ขอให้ยกของขึ้นที่สูง ดูแลกลุ่มเปราะบาง

ด้านกรมชลประทาน รายงานสถานการณ์น้ำด้านท้ายเขื่อนเจ้าพระยา จังหวัดชัยนาท (เวลา 06.00 น.) สถานี C.2 อำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์ มีน้ำไหลผ่าน 1,982 ลบ.ม. ต่อวินาที เมื่อรวมกับปริมาณน้ำจากแม่น้ำสะแกกรังและลำน้ำสาขา ส่งผลให้ปริมาณน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยามีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และได้ปรับเพิ่มการระบายน้ำเขื่อนเจ้าพระยาแบบขั้นบันได ในอัตราไม่เกิน 2,000 ลบ.ม. ต่อวินาที พร้อมติดตามและประเมินสถานการณ์ให้สอดคล้องกับปริมาณน้ำเหนือ เพื่อลดผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ท้ายเขื่อน

ขณะที่ ปริมาณฝนตกหนักท้ายเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ และใน จ.ลพบุรี ทำให้ปริมาณน้ำไหลเข้าคลองชัยนาท–ป่าสักเพิ่มขึ้น โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาป่าสักชลสิทธิ์ ปรับลดการระบายน้ำจาก 200 ลบ.ม. ต่อวินาที เหลือ 150 ลบ.ม. ต่อวินาที ช่วงวันที่ 8–10 กันยายน เพื่อบรรเทาผลกระทบพื้นที่ท้ายเขื่อน

จังหวัดพระนครศรีอยุธยา สำนักงานเจ้าท่าอยุธยา ออกประกาศฉบับที่ 17/2568 เรื่อง กำหนดแนวทางการสัญจรในแม่น้ำเจ้าพระยาและแม่น้ำป่าสักเป็นการเฉพาะชั่วคราว กรณีการระบายน้ำจากเขื่อนเจ้าพระยา ตั้งแต่ 1,600 ลบ.ม. ต่อวินาที เช่น พิจารณาจำกัด และหรือลดขนาดความยาวของขบวนเรือลำเลียง จัดส่งรายการเรือเข้า-ออก ล่วงหน้า 6 ชั่วโมง

นายกองตรี ดร.ภาณุพงศ์ ศิริ นายอำเภอบางปะอิน ประชุมคณะกรรมการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติอำเภอ มีมติเสนอให้จังหวัดพิจารณาประกาศให้อำเภอบางปะอิน เป็นพื้นที่ประสบภัย จำนวน 10 ตำบล 78 หมู่บ้าน เพื่อเตรียมมาตรการช่วยเหลือต่อไป พร้อมสั่งการให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นบูรณาการกับทุกภาคส่วน ดูแลประชาชนในการขนย้ายสิ่งของและจัดสถานที่รับรองประชาชนกรณีฉุกเฉินทุกตำบล และได้ลงพื้นที่ตรวจระดับน้ำบริเวณคลองบางหงส์ จุดเชื่อมการสัญจรของประชาชนในพื้นที่ตำบลบ้านเลน และตำบลคลองจิก เพื่อเตรียมจัดทำแนวกระสอบทรายกั้นน้ำและสูบน้ำออกจากพื้นที่

ด้านกองพันทหารม้าที่ 27 ให้ความช่วยเหลือบ้านเรือนของประชาชน สถานที่ราชการที่ประสบภัยน้ำท่วม บริเวณริมแม่น้ำน้อย ขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูงเพื่อป้องกันความเสียหายบ้านของนางทับทิม จิตรสมชีพ และบ้านของนายอดิศักดิ์ ภิณญโภชน์ ตำบลหัวเวียง อำเภอเสนา ขณะที่ หน่วยทหารม้าที่ 5 กองพันทหารม้าที่ 23 รักษาพระองค์ จัดกำลังพลของหน่วย ร่วมกับส่วนราชการในพื้นที่ อำเภอผักไห่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ลงเรือแจกจ่ายสิ่งของยังชีพให้กับผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชน ตำบลท่าดินแดง อำเภอผักไห่

จังหวัดนครสวรรค์ นางสาวชุติพร เสชัง ผู้ว่าราชการจังหวัดนครสวรรค์สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด หลังมีมวลน้ำจากทางภาคเหนือและการระบายน้ำจากเขื่อนสิริกิติ์ ส่งผลให้ปริมาณน้ำในลุ่มน้ำน่านและลุ่มน้ำยมมีปริมาณสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันน้ำท่วมพื้นที่บ้านเรือนประชาชน พื้นที่การเกษตรและพื้นที่เศรษฐกิจ ด้านนายสำเริง ณรงค์เดชา ผู้อำนวยการส่วนอุทกวิทยาที่ 1 นครสวรรค์ เปิดเผยว่า ส่วนอุทกวิทยาที่ 1 ได้แจ้งเตือนภัยระดับสัญญาณไฟสีเหลือง เกี่ยวกับระดับน้ำในพื้นที่ อำเภอหนองบัว ให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบข้อมูลระดับน้ำของสถานีเตือนภัยล่วงหน้า
เพื่อเฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลันและดินถล่ม ที่บ้านอุดมพัฒนา ตำบลวังบ่อ อำเภอหนองบัว จังหวัดนครสวรรค์ ล่าสุดระดับน้ำใกล้เคียงกับระดับวิกฤตอยู่ในเกณฑ์แจ้งเตือนภัย และให้เจ้าหน้าที่เฝ้าระวังระดับน้ำตลอด 24 ชั่วโมง

จังหวัดชลบุรี ปภ.จังหวัดชลบุรี รายงานจากฝนตกหนักต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 7 กันยายน ส่งผลให้ 4 อำเภอ ได้แก่ เมืองชลบุรี ศรีราชา บางละมุง และสัตหีบ รวม 13 ตำบล 37 ชุมชน/หมู่บ้าน และถนนสายหลัก–สายรองกว่า 16 เส้นทางได้รับผลกระทบ พื้นที่อำเภอเมืองชลบุรี หลายชุมชนในเขตเทศบาลเมืองแสนสุขและอ่างศิลาถูกน้ำเอ่อเข้าท่วม ถนนสุขุมวิทบริเวณตลาดหนองมนและถนนข้าวหลามถูกน้ำท่วมขังรอการระบายสูงจนสัญจรลำบาก เทศบาลเร่งติดตั้งเครื่องสูบน้ำเพื่อระบายออกอย่างเร่งด่วน ปัจจุบันระดับน้ำหลายจุดเริ่มลดลง แต่ยังมีฝนตกประปราย

ศูนย์บรรเทาสาธารณภัย โดยกองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ฯ จัดกำลังพล ลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน ได้แก่ พื้นที่เทศบาลเมืองแสนสุข มีพื้นที่ชุมชน จำนวน 25 ชุมชน เส้นทางการจราจร ได้รับผลกระทบ จำนวน 3 สายทาง ได้แก่ ถนนสุขุมวิท (บริเวณหน้าตลาดนัดจตุจักร, หน้าตลาดหนองมน) ขาออกบางแสน ถนนข้าวหลาม และถนนเลี่ยงตลาดหนองมน ทั้งนี้ หน่วยได้จัดชุดจิตอาสาประสานส่วนที่เกี่ยงข้องให้ความช่วยเหลือ ติดตั้งเครื่องสูบน้ำเพื่อเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่ และเตรียมกระสอบทรายทำแนวกั้นน้ำ

นอกจากนี้ ศูนย์ปฏิบัติการธรณีพิบัติภัย กรมทรัพยากรธรณี กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แจ้งให้อาสาสมัครเครือข่ายในจังหวัดกาญจนบุรี ระยอง จันทบุรี และจังหวัดตราด เฝ้าระวังดินถล่มและน้ำป่าไหลหลาก ระหว่างวันที่ 8–10 กันยายน พร้อมวัดปริมาณน้ำฝนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีฝนสะสมเกิน 100 มิลลิเมตรต่อ 24 ชั่วโมง ขอให้ประชาชนพื้นที่ลุ่มต่ำยกสิ่งของและสัตว์เลี้ยงขึ้นที่สูง สังเกตสัญญาณเตือนภัย เช่น น้ำเปลี่ยนสีหรือมีเศษซากไม้ไหลมา หลีกเลี่ยงการข้ามทางน้ำหรือทำกิจกรรมในลำน้ำ ควรมีเวรยามเฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง และเตรียมพร้อมอพยพไปยังพื้นที่ปลอดภัย โดยสามารถติดต่อศูนย์ปฏิบัติการธรณีพิบัติภัย โทร. 02 621 9701 หรือดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ www.dmr.go.th/ธรณีพิบัติภัย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง