ครม. ต่ออายุลดภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% อีก 1 ปี บรรเทาค่าครองชีพ–กระตุ้นเศรษฐกิจ

คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ …) พ.ศ. … ตามที่กระทรวงการคลัง เสนอ โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้

ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ …) พ.ศ. … (การขยายระยะเวลาการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม) เป็นการขยายระยะเวลาการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับการขายสินค้า การให้บริการ หรือการนำเข้าทุกกรณีตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 646) พ.ศ. 2560 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 790) พ.ศ. 2567 จะสิ้นสุดลงในวันที่ 30 กันยายน 2568 โดยยังคงจัดเก็บในอัตราร้อยละ 6.3 (ไม่รวมภาษีท้องถิ่น) หรือร้อยละ 7 (รวมภาษีท้องถิ่น) ต่อไปอีก เป็นระยะเวลา 1 ปี โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2568 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2569

เนื่องจากการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในปี 2568 ยังมีข้อจำกัดและปัจจัยเสี่ยงจากภาระหนี้สินของภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับอัตราการว่างงานและอัตราเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับต่ำและการปรับตัวลดลงของอัตราดอกเบี้ย รวมทั้งผลกระทบจากมาตรการภาษีนำเข้าของสหรัฐอเมริกา ตลอดจนยังมีความผันผวนของระบบเศรษฐกิจการค้าโลก

ดังนั้น การขยายระยะเวลาการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มดังกล่าวจะเป็นการลดผลกระทบค่าครองชีพ ช่วยกระตุ้นการบริโภคของประชาชน จะส่งผลให้ภาคธุรกิจมีความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจไทยและการลงทุนภาคเอกชนภายในประเทศขยายตัวได้ตามเป้าหมายและสร้างความเชื่อมั่นในการประกอบธุรกิจให้แก่ภาคเอกชน

ด้านนายปิ่นสาย สุรัสวดี อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวย้ำว่า การขยายระยะเวลาการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มเหลือร้อยละ 7 จะสิ้นสุดลงในวันที่ 30 กันยายน 2568 กระทรวงการคลัง โดยกรมสรรพากรตระหนักในความสำคัญของการสร้างความเชื่อมั่นและการสนับสนุนการขยายตัวอย่างต่อเนื่องของเศรษฐกิจประเทศ จึงได้เสนอร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่…) พ.ศ. … ขยายระยะเวลาการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มเหลือร้อยละ 7 (รวมภาษีท้องถิ่น) ออกไปอีก 1 ปี ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2568 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2569 การขยายระยะเวลาการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มดังกล่าวจะช่วยรักษาระดับการอุปโภคบริโภคภายในประเทศ ซึ่งจะส่งผลให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวได้ตามเป้าหมาย

ทั้งนี้ หากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่สำนักงานสรรพากรทุกแห่งทั่วประเทศ หรือศูนย์สารนิเทศสรรพากร (RD Intelligence Center) โทร. 1161

ข่าวที่เกี่ยวข้อง