GBC ไทย-กัมพูชา มีข้อสรุป 5ข้อ เห็นชอบถอนอาวุธหนัก เตรียมเปิดด่านจันทบุรี-ตราด

พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม แถลงผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย–กัมพูชา หรือ GBC สมัยพิเศษ ครั้งที่ 1/2568 ที่โรงแรมเซ็นทารา ชานทะเลแอนด์วิลล่า จังหวัดตราด ว่า

ที่ประชุมเห็นชอบ การถอนอาวุธหนักและยุทโธปกรณ์ทำลายล้างสูงออกจากพื้นที่ชายแดนกลับสู่ที่ตั้งปกติ โดยฝ่ายเลขานุการจีบีซีและอาร์บีซี จะหารือกันภายใน 3 สัปดาห์ เพื่อจัดทำแผนดำเนินการและเริ่มเคลื่อนย้ายกำลังตามกรอบเวลาที่กำหนด โดยให้คณะผู้สังเกตการณ์ (IOT)มาร่วมสังเกตการณ์ การเก็บกู้ วัตถุระเบิด จะมีการตั้งคณะประสานงานร่วม ประกอบด้วย ฝ่ายเลขานุการจีบีซีและศูนย์ทุ่นระเบิดของฝ่ายกัมพูชา ภายใน 1 สัปดาห์ เพื่อจัดทำแผนเก็บกู้ถูกระเบิดและแผนนำร่องตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา เริ่มดำเนินการทันทีภายใน 1 เดือน

การปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ หรือสแกมเมอร์ ได้มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยและสำนักงานตำรวจแห่งชาติของทั้ง 2 ฝ่าย ตั้งคณะทำงานภายใน 1 สัปดาห์เพื่อจัดทำแผนปฏิบัติงานร่วมกัน ทั้งนี้ ฝ่ายไทย ได้ส่งมอบข้อมูลพิกัดที่ตั้งสแกมเซนเตอร์กว่า 60 แห่งให้กัมพูชา ให้ไปดำเนินการปราบปรามขั้นเด็ดขาด ซึ่งเป็นสิ่งที่คณะทำงานนี้จะหารือกัน ซึ่งผู้แทนของตำรวจไทยและรองผู้บัญชาการตำรวจกัมพูชาได้หารือกันนอกรอบ เพื่อนัดหมายการประชุมประสานงานตามข้อตกลงนี้เรียบร้อยแล้ว โดยมีกำหนดการวันที่ 16 ก.ย.ที่จังหวัดสระแก้ว

การบริหารจัดการพื้นที่ชายแดน โดยเฉพาะกรณีบ้านหนองจาน จังหวัดสระแก้ว โดยที่ประชุมได้มอบหมายให้คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม( เจบีซี) ไทยกัมพูชา หารือเพื่อให้เกิดความชัดเจนเกี่ยวกับพื้นที่ดังกล่าว และให้คณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (อาร์บีซี) หารือแนวทางการบริหารจัดการบนพื้นฐานผลการหารือในกรอบจีบีซี โดยให้ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้วและผู้ว่าฯจังหวัดบันเตียเมียนเจย ประสานงานกันเพื่อการบริหารจัดการสถานการณ์ ให้เกิดความสงบเรียบร้อย ทั้งนี้หากโมเดลนี้ประสบความสำเร็จ จะนำไปใช้บริหารจัดการพื้นที่อื่น ซึ่งมีปัญหาในลักษณะเดียวกัน

หารือการผ่อนปรนผ่านแดนบางประเภท บางจุด และระหว่างที่สถานการณ์ไม่เป็นปกติ เพื่อลดผลกระทบภาคธุรกิจ การขนส่งข้ามแดน โดยมอบหมายให้กลไกอาร์บีซี ไปหารือความเป็นไปได้ ในการอนุญาตให้มีการขนส่งสินค้า จุดผ่านแดนบางจุดที่ไม่มีปัญหาด้านความมั่นคง โดยอาจเริ่มดำเนินการที่จุดผ่านแดนถาวรจันทบุรีและตราด

นอกจากทั้ง 2 ฝ่ายเห็นพ้องที่จะถอนอาวุธหนัก ออกจากพื้นที่ชายแดนแล้ว พัฒนาการสัมพันธ์การประชุมจีบีซีครั้งนี้คือ ทั้ง 2 ฝ่ายกำหนดแนวทางการดำเนินการใน 2 เรื่องที่ไทยให้ความสำคัญ แต่ก่อนหน้านี้ฝ่ายกัมพูชายังไม่เคยตอบรับ ได้แก่ การเก็บกู้ทุ่นระเบิดและการปราบปรามสแกมเมอร์ ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทยจะติดตามกับฝ่ายกัมพูชา ให้ดำเนินการตามที่ตกลงโดยเร็ว โดยการประชุมจีบีซีครั้งต่อไปจะกำหนดขึ้นภายใน 30วัน โดยมีฝ่ายไทยเป็นเจ้าภาพ

พลเอก ณัฐพล ย้ำว่า ไทยกัมพูชาไม่อาจย้ายหนีจากกันได้ จึงมีความจำเป็นที่สองประเทศต้องแก้ไขปัญหาโดยสันติวิธี เพื่อนำสันติภาพไปสู่ชายแดนและประชาชนทั้งสองประเทศจะได้กลับมาใช้ชีวิตปกติสุข

เมื่อวานนี้ได้รับทราบแนวทางจากนายอนุทิน ที่ได้เน้นย้ำเรื่องปกป้องอธิปไตยต้องมาเป็นอันดับแรกและให้ความสำคัญกับบทบาทกองทัพในการป้องกันประเทศ พร้อมให้ดูแลความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน ซึ่งตนมีวิธีที่จะบริหารจัดการแบ่งโซนพื้นที่ตามความตึงเครียดของสถานการณ์ตามลำดับ

โซนที่หนึ่ง มีความตึงเครียดสูงคือ พื้นที่กองทัพภาคที่ 2 ประกอบไปด้วยอุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์

โซนที่สองคือ สระแก้ว พื้นที่ความรับผิดชอบของ กองทัพภาคที่ 1

โซนที่สามคือ จันทบุรีและตราด มีความตึงเครียดน้อยกว่าจุดอื่น การแบ่งโซนดังกล่าว นำมาซึ่งแนวความคิดในการผ่อนผัน ซึ่งจะดูที่สถานการณ์ในระดับความตึงเครียดและจากที่ผู้ประกอบการขอให้ผ่อนปรนบ้างจึงได้ดำเนินการในโซนที่ 3 ก่อน และมอบหมายให้กองกำลัง จันทบุรี-ตราด ไปพิจารณาดำเนินการ เพราะเป็นมาตรการทางด้านความมั่นคง โดยให้ประสานงานในพื้นที่กับกรมศุลกากร กระทรวงพาณิชย์และอุตสาหกรรม สนับสนุนข้อมูลเพื่อเป็นแนวทางที่นำมาเจรจากัน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง