พรรคเพื่อไทย เดินหน้าผลักดันแก้ไขรัฐธรรมนูญ เตรียมเสนอร่างแก้หมวด 15 ก่อนทำประชามติ

นายชูศักดิ์ ศิรินิล พร้อมด้วยนายสรวงศ์ เทียนทอง นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว นายจตุรนต์ ฉายแสง นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ นายกอแก้ว พิกุลทอง นางมนพร เจริญศรี นายสุธรรม แสงปทุม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคเพื่อไทย ร่วมกันแถลงข่าวถึงคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ

นายชูศักดิ์ บอกว่า ผลจากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญดังกล่าวออกมา เพื่อไทยเห็นว่า แม้มีปัญหาอุปสรรค มีขั้นตอนต่างๆ เพิ่มขึ้น และยังเป็นปัญหาถกเถียงกันอยู่ แต่พรรคเพื่อไทยในฐานะผู้ริเริ่มและติดตามการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่มาโดยตลอด ยังคงยืนยันที่จะดำเนินการเพื่อแสวงหาการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ให้เป็นประชาธิปไตยต่อไป และเมื่อวิเคราะห์คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญแล้วเราเห็นว่าจะดำเนินการ

คือ เมื่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ต้องเป็นไปตามหมวด 15 ของการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ดังนั้นจึงต้องมีการแก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติในหมวด 15 เพื่อจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ไม่อาจดำเนินการเป็นประการอื่นได้ โดยรัฐสภาพิจารณาเป็น 3 วาระแล้วนำไปประชามติ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 256 (8)

สำคัญคือ วินิจฉัยที่ว่า การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ไม่อาจจะทำโดย สสร.ที่มาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชน มองว่า แม้ว่าจะขัดต่อหลักการที่เคยพูดว่า ประชาชนมีอำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญ แต่เมื่อคำวินิจฉัยออกมาเช่นนี้ ก็ยังเห็นว่า อาจจะกระทำโดยการเลือก สสร.โดยทางอ้อม หรือการกระทำโดยรัฐสภามีมติแต่งตั้ง สสร. ไม่ใช่การแต่งตั้งโดยตรง หรือรัฐสภา มีมติตั้งกรรมาธิการของรัฐสภาก็ได้ ส่วนจะกระทำโดยวิธีใด พรรคเพื่อไทยมีทำงานที่ไปคิดเรื่องนี้ เพื่อไตร่ตรองให้รอบคอบ และนำเสนอในช่วงการเสนอร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมหมวด 15 ต่อสภาในภายหลัง

ขณะที่การทำประชามติ จะต้องมีการแก้ไขหมวด 15 โดยหลักในเรื่องนี้ต้องทำประชามติอยู่แล้ว ตามมาตรา 256(8) ส่วนปัญหาว่า จะทำประชามติครั้งที่หนึ่งเมื่อไหร่ ทำประชามติครั้งที่สองเมื่อไหร่ หรือครั้งที่หนึ่งและครั้งที่สองรวมกันหรือไม่ พรรคเพื่อไทยเห็นว่า เรื่องการทำประชามติตามกฎหมายประชามตินั้น การทำประชามติจะเกิดขึ้นได้เมื่อ อยู่ที่การตัดสินใจของรัฐบาลด้วย เรื่องนี้จึงเห็นว่า เป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องตัดสินใจ ซึ่งอยู่ที่เงื่อนไขของรัฐบาลว่า จะยุบสภาเมื่อไหร่ จะทำประชามติเมื่อไหร่ เป็นหน้าที่ของรัฐบาลต้องคิดเรื่องนี้

นายชูศักดิ์ ยังบอกต่อว่า พรรคเพื่อไทยขอยืนยันตามเจตนารมณ์เดิมว่า จะผลักดันและเดินหน้าให้มีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ต่อไป เพื่อให้ได้รัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตยให้มากที่สุด แม้จะยากลำบากก็จะทำอย่างเต็มกำลังและสุดความสามารถ รวมทั้งจะพยายามจัดทำร่างใหม่ให้เสร็จภายในสัปดาห์หน้า เพื่อที่จะนำเข้าสู่ระเบียบวาระให้เร็วที่สุด

ด้านนายจาตุรนต์ บอกว่า เมื่อคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญออกมาเช่นนี้ พรรคเพื่อไทยก็จำเป็นต้องเสนอญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 256 ใหม่เพื่อให้สอดคล้องกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ และเพื่อให้มีทางออกที่ดีที่สุด ที่จะทำให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการคิด ช่วยการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ต่อไปในอนาคต พรรคเพื่อไทยก็ยินดีและต้องการแสดงความตั้งใจว่า อยากให้มีการร่วมมือกัน ระหว่างพรรคการเมืองต่างๆ ไม่แบ่งเขาแบ่งเรา เพื่อที่จะช่วยกันแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 256 ตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ ซึ่งหากทำได้ก็จะเกิดกระบวนการในการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ อย่างไรก็ตามขณะนี้ ยังไม่มีองค์กรใดแสดงความต้องการ หรือแสดงความริเริ่มในการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ จึงอยากเรียกร้องต่อพรรคการเมืองต่างๆ และรัฐบาลที่กำลังเข้ามาบริหารประเทศว่า น่าจะมาช่วยกันคิดหาทาง ว่าทำอย่างไรที่จะทำให้การจัดทำประชามติ 2 ครั้ง เอามารวมกันเป็นครั้งเดียว เพื่อไม่ให้เสียเวลานานและไม่ต้องสิ้นเปลืองงบประมาณ แต่การกระทำเช่นนี้ได้ ต้องหารือกันตั้งแต่เรื่องที่จะแก้ไขมาตรา 256 อย่างไร เชื่อว่าการแลกเปลี่ยนนี้เป็นข้อสรุปที่ดี ที่จะหาทางออกร่วมกันในรัฐสภาและต้องได้รับความร่วมมือจากรัฐบาล ที่มีความตั้งใจจริงที่จะทำให้เกิดการแก้ไขรัฐธรรมนูญเกิดขึ้น

ผู้สื่อข่าวถามว่า การทำประชามติเป็นการวัดใจรัฐบาลหรือไม่ เรื่องนี้ นายชูศักดิ์ มองว่า อย่าถือเป็นการวัดใจ แต่การจะทำเรื่องนี้ได้ ก็เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะต้องไปคิด ว่าจะทำประชามติเมื่อไหร่และจะทำพร้อมกันสองครั้งหรือไม่และเมื่อไหร่ ซึ่งต้องเป็นมติคณะรัฐมนตรีและคำนึงถึงระยะเวลา 90 วันด้วย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง