“อนุทิน” เดินหน้าหนุนสาธารณสุขไทย สู่อนาคตที่ยั่งยืน

นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้ได้รับพระราชทานรางวัลชัยนาทนเรนทร” ประจำปี 2567 นักการสาธารณสุขดีเด่นประเภทบริหาร ได้กล่าวปาฐกถา “สาธารณสุขไทย สู่อนาคตที่ยั่งยืน” ในงานประชุมวิชาการกระทรวงสาธารณสุข ประจำปี 2568 ที่จัดขึ้น ณ ศูนย์ประชุมอิมแพ็ค ฟอรั่ม เมืองทองธานี โดยมีนายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข พร้อมคณะผู้บริหารและบุคลากรสาธารณสุข ร่วมรับฟัง

นายอนุทิน กล่าวปาฐกถา “สาธารณสุขไทย สู่อนาคตที่ยั่งยืน” ว่า การได้รับพระราชทานรางวัลชัยนาทนเรนทรจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวถือเป็นเกียรติยศอย่างสูงยิ่ง เป็นกำลังใจสำคัญในการทำงานเพื่อประเทศชาติและประชาชนต่อไป และไม่ใช่เพียงเกียรติยศส่วนตัว แต่เป็นเครื่องหมายแห่งความสำเร็จของทุกคนที่ร่วมกันขับเคลื่อนระบบสุขภาพไทยให้ก้าวหน้าและมั่นคงยิ่งขึ้น

การมาพบกันในบรรยากาศเช่นนี้ ทำให้รู้สึกคิดถึงเหมือนตนเองได้กลับคืนสู่เหย้าอีกครั้ง ถือว่าใช้เวลาในกระทรวงสาธารณสุขเกือบ 7 ปี ที่ทำงานร่วมกัน พบกับสิ่งที่ท้าทาย สิ่งที่เป็นปัญหา สิ่งดีงาม และสิ่งที่ต้องแก้ไข พบมาในทุกมิติ แต่สิ่งที่ทำให้มั่นใจคือความร่วมมือที่ได้จากข้าราชการทุกระดับในกระทรวงสาธารณสุข ทำให้ภารกิจต่างๆ บรรลุผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ได้รับการยอมรับ ประสบความสำเร็จและสิ่งที่พวกเราต้องการมากที่สุดคือสุขภาพที่ดีของประชาชน การแก้ไขปัญหา วิกฤตการณ์สาธารณสุขต่างๆ เชื่อว่ากระทรวงสาธารณสุขยังคงดำรงสถานะเป็นผู้นำทางด้านการสาธารณสุขเป็นลำดับต้นๆ ของโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงของโลก การเปลี่ยนแปลงของสังคม ประชาชน และเทคโนโลยีต่างๆ กระทรวงสาธารณสุขคงต้องปรับตัวเข้ากับทุกสภาพ ซึ่งมั่นใจว่าถ้าเราทำงานกันด้วยความรัก ความเข้าใจ และความเชื่อมั่นซึ่งกันและกันจะไม่มีปัญหาใดๆ ที่แก้ไม่ได้อย่างแน่นอน

ถือว่าตนเองได้รับเกียรติอย่างสูงที่กระทรวงสาธารณสุข เสนอชื่อให้ได้รับพระราชทานรางวัล “ชัยนาทนเรนทร” นักการสาธารณสุขดีเด่น ประเภทนักบริหาร โดยตระหนักดีว่า รางวัลนี้ไม่ได้เป็นเกียรติยศส่วนตัวแต่เป็นผลงานแห่งความสำเร็จของทุกคน ที่ได้ร่วมงานด้วยกันมาสมัยที่ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข สิ่งที่ภาคภูมิใจคือพวกเราทุกคนในที่นี้ และผู้ที่เกษียณไปแล้วเมื่อเร็วๆ นี้ ได้ช่วยกันนำพาระบบการสาธารณสุขของไทยให้ไปยืนแถวหน้า มีความมั่นคง มีความเชื่อมั่น ทำให้เราไปยืนอยู่ในเวทีนานาชาติได้ ในฐานะผู้นำที่ได้รับการยอมรับนับถือจากวงการสาธารณสุขทั่วโลก แม้เหตุการณ์วิกฤตต่างๆ ได้ผ่านไปแล้ว แต่ระบบสาธารณสุขไทยยังได้รับการขนานนามว่า เป็นระบบที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก

เวลาไปไหนมาไหนสามารถบอกได้ว่าองค์ประกอบหนึ่งที่ทำให้ระบบการสาธารณสุขของไทยอยู่แถวหน้าได้นอกจากแพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่ของระบบสาธารณสุขของประเทศไทยแล้ว ยังมีอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ที่เป็นกลไกสำคัญอยู่เคียงข้างระบบสุขภาพของไทยมาตลอด โดยเฉพาะช่วงโควิด-19 ที่แสดงศักยภาพอย่างเต็มที่เป็นที่ยอมรับ ทำให้เวลาไปไหนสามารถใส่องค์กร ใส่ชื่อว่าเป็นส่วนหนึ่งของระบบสาธารณสุขของประเทศไทยเป็นสิ่งที่ทำให้ทั่วโลกตื่นเต้น และไม่คิดว่าประชาชนทั่วไปจะทำตัวให้เป็นหมอ เป็นพยาบาลที่คอยดูแลประชาชน ดูแลเพื่อนบ้านได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ระบบสาธารณสุขของไทยเข้มแข็งมากขึ้น

แต่ปัญหาอื่นๆ ก็รอเราอยู่เช่นกัน ซึ่งขณะนี้เรามี ยาดี หมอดี พยาบาลดี เภสัชกรดี อสม.ดี ประชาชนมีความเข้าใจและองค์ความรู้ทางสาธารณสุขที่ดี ทำให้คนอายุยืนยาวขึ้นจนเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุเต็มรูปแบบ ดังนั้นจะทำอย่างไรให้อยู่ได้ด้วยตัวเอง ลูกหลานทำงานได้ปกติช่วยเสริมสร้างรายได้รัฐ เพื่อนำมาดูแลประชาชน เราต้องปรับรูปแบบการรักษาพยาบาลมากขึ้น เพราะโรงพยาบาลมีเพิ่มเท่าไหร่ก็ไม่เพียงพอ จึงเริ่มมีเรื่องการรักษาที่บ้านโดยใช้ระบบต่างๆ ในการดูแล ช่วงที่ตนเองอยู่กระทรวงมหาดไทยได้ไปตามชุมชนหมู่บ้านต่างๆ เห็นว่าระบบการสาธารณสุขตามไปดูแลถึงบ้านจริง แต่สิ่งที่ยังขาดอยู่คือคุณภาพชีวิตยังไม่ดีพอ ยังอยู่แบบติดเตียง เราไม่ต้องการให้เห็นสภาพแบบนั้น จึงคิดว่าทำอย่างไรที่จะทำให้คนที่ไม่ควรจะถึงวัยที่เป็นภาระของคนอื่น ให้ดูแลตัวเองได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ นี่เป็นโจทย์สำคัญที่เมื่อตนเองเข้ามาได้รับตำแหน่ง และแถลงนโยบายต่อรัฐสภาแล้ว คงมอบให้เป็นภารกิจของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขคนใหม่นำไปปฏิบัติงานร่วมกับทุกคน

ทั้งนี้ในช่วงที่ได้ทำงานในกระทรวงสาธารณสุข ได้ให้การสนับสนุนเรื่องเจ้าหน้าที่ในระบบสาธารณสุข ให้มีมากที่สุดเพื่อให้เพียงพอต่อจำนวนผู้ป่วย ด้วยความที่เราเข้าใจถึงความจำเป็น วันนี้มาอยู่ตรงนี้แล้วขอให้ช่วยกันทำให้มันเร็วเป็น One stop shopping ทำทุกอย่างเพื่อประชาชนโดยเฉพาะเรื่องคุณภาพชีวิต เชื่อว่าทุกคนเข้าใจความผูกพันที่มีกับกระทรวงสาธารณสุขรักกันไม่มีวันหมดอายุ ขอให้มั่นใจซึ่งกันและกันจะเร่งสร้างสิ่งดีงามให้กับระบบสาธารณสุข ซึ่งจะเกิดประโยชน์กับประชาชน เมื่อเชื่อใจกันแล้วอย่างอื่นก็เป็นเรื่องง่าย

สำหรับนักการสาธารณสุขดีเด่น ที่ได้รับพระราชทาน “รางวัลชัยนาทนเรนทร” ประจำปี 2567 จำนวน 5 ประเภท ประกอบด้วย

1. ประเภทบริหาร นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี นำกระทรวงสาธารณสุขควบคุมโรคโควิด-19 จนสำเร็จ ผลักดันนโยบาย Health for Wealth ยกระดับระบบบริการสุขภาพและสมุนไพรสู่การขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ เพิ่มการเข้าถึงบริการสุขภาพด้วยระบบ 3 หมอ โครงการ 30 บาทรักษาทุกที่ มะเร็งรักษาทุกที่ และฟอกไตฟรี และยังปฏิบัติภารกิจหัวใจติดปีก นำอวัยวะจากร่างหนึ่งไปต่อลมหายใจให้อีกชีวิตหนึ่งด้วยเครื่องบินส่วนตัว ตั้งแต่ปี 2557 จนถึงปัจจุบัน  

2. ประเภทบริการ นายแพทย์มนฑิต พูลสงวน ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเกาะยาวชัยพัฒน์ จังหวัดพังงา ทำให้เกิดหน่วยไตเทียมในโรงพยาบาลพื้นที่เกาะห่างไกล ช่วยให้ผู้ป่วยโรคไตเข้าถึงบริการได้อย่างเท่าเทียม และริเริ่มนำระบบเคลื่อนย้ายผู้ป่วยฉุกเฉินด้วยอากาศยาน (Sky Doctor) มาใช้ในพื้นที่เกาะห่างไกลลดอัตราการเสียชีวิตและภาวะแทรกซ้อนได้อย่างชัดเจน 

3. ประเภทวิชาการ ดร. นายแพทย์พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ นายกสมาคมเวชศาสตร์ป้องกันแห่งประเทศไทย ได้ร่วมพัฒนาหลักสูตรด้านสาธารณสุข อาทิ สุขภาพจิตชุมชน เวชศาสตร์ทางทะเล เวชศาสตร์การเดินทางและท่องเที่ยว เวชศาสตร์การจราจร เวชศาสตร์วิถีชีวิต สร้างองค์ความรู้ใหม่ให้แก่ผู้นำด้านสาธารณสุข และจัดทำเกณฑ์การประเมินโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพ ช่วยยกระดับมาตรฐานการบริการและสุขภาพของประชาชน

4. ประเภทผู้นำชุมชน พระครูปิยวรรณพิพัฒน์ เจ้าคณะตำบลชั้นเอก วัดหัวฝาย จังหวัดเชียงราย ได้สร้างเครือข่ายโรงเรียนผู้สูงอายุถึง 164 แห่ง ครอบคลุมทุกตำบลในจังหวัดเชียงราย พร้อมทั้งขับเคลื่อนธรรมนูญสุขภาพผู้สูงอายุ จัดตั้งมูลนิธิปิยวรรณพิพัฒน์ ดูแลผู้ด้อยโอกาสและกลุ่มเปราะบาง และยังขับเคลื่อนสถานชีวาภิบาล วัดหัวฝาย ดูแลคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยระยะสุดท้าย

5. ประเภทประชาชน นางสาววิลัยวัลย์ ธงสันเทียะ อาสาสมัครสาธารณสุข ตำบลด่านใน อำเภอด่านขุนทด จังหวัดนครราชสีมา นำภาคประชาชนร่วมป้องกันโรคโควิด-19 ในพื้นที่ สร้างความรอบรู้ด้านสุขภาพให้กับผู้ป่วยเบาหวานช่วยยกระดับคุณภาพชีวิต รวมทั้งผลักดันโครงสร้าง อสม. แห่งประเทศไทย ให้มีความเข้มแข็ง สร้างความเปลี่ยนแปลงของระบบสุขภาพ และเป็นพลังให้ชุมชนก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างมั่นคง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง