ประชาชนส่วนใหญ่ต้องการให้พรรคการเมืองไทยปรับปรุงความโปร่งใสและความซื่อสัตย์

“สวนดุสิตโพล” มหาวิทยาลัยสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศ เรื่อง “ความคาดหวังต่อพรรคการเมืองไทย ณ วันนี้” กลุ่มตัวอย่าง จำนวน 1,232 คน (สำรวจทางออนไลน์และภาคสนาม) ระหว่างวันที่ 9-12 กันยายน 2568 พบว่า บทบาทของพรรคการเมืองฝ่ายรัฐบาลที่ประชาชนอยากเห็นมากที่สุดคือ  ทำงานเชิงรุก แก้ปัญหาจริง ตรวจสอบได้ ร้อยละ 75.27  ในขณะที่บทบาทของพรรคการเมืองฝ่ายค้านที่อยากเห็น คือ ตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลอย่างตรงไปตรงมาและสร้างสรรค์ ร้อยละ 68.32  เรื่องที่อยากให้พรรคการเมืองไทยปรับปรุงมากที่สุดคือ ความโปร่งใสและซื่อสัตย์ ร้อยละ 64.29  หากมีการเลือกตั้ง ณ วันนี้จะเลือกพรรคประชาชน ร้อยละ 23.94 รองลงมา คือ พรรคภูมิใจไทย ร้อยละ 14.20 และยังไม่ตัดสินใจ ร้อยละ 21.35

ดร.พรพรรณ บัวทอง ประธานสวนดุสิตโพล ระบุว่า สิ่งที่ประชาชนคาดหวังต่อพรรค การเมืองไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เป็นมาตรฐานจริยธรรมพื้นฐานที่พรรคและนักการเมืองพึงจะมี ทว่ากลับกลายเป็นสิ่งที่ประชาชนยังคาดหวัง ชี้ให้เห็นถึงความเชื่อมั่นที่ลดลงต่อพรรคการเมืองในปัจจุบัน ทั้งนี้หากมีการเลือกตั้ง ณ วันนี้ พรรคประชาชนยังนำเป็นอันดับหนึ่ง แต่จำนวนผู้ยังไม่ตัดสินใจก็สูง ทุกพรรคจึงต้องเร่งทำงานสร้างผลงานเพื่อเรียกความเชื่อมั่นจากประชาชน

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ยอดชาย ชุติกาโม ประธานหลักสูตรรัฐศาสตรบัณฑิต โรงเรียนกฎหมายและการเมือง มหาวิทยาลัยสวนดุสิต กล่าวว่า ต้องยอมรับว่าสภาวะสุญญากาศทางการเมืองที่เกิดขึ้น รัฐมนตรีรักษาการกำลังทยอยออกจากทำเนียบฯ ขณะที่ ครม.อนุทิน1 ยังอยู่ในระหว่างการตรวจคุณสมบัติผู้ที่จะเข้ามาเป็นรัฐมนตรีทั้งหน้าใหม่และเก่าอย่างละเอียดถี่ถ้วน ได้ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของคนไทยที่มีต่อพรรคการเมืองทั้งในฟากฝั่งรัฐบาล(ใหม่) และฝ่ายค้าน โดยเฉพาะบันทึกข้อตกลง (Memorandum of Agreement : MOA) ระหว่างพรรคภูมิใจไทยและพรรคประชาชนว่าจะไปกันตลอดรอดฝั่งหรือไม่

อย่างไรก็ตาม ประชาชนส่วนใหญ่อยากเห็นพรรคการเมืองไทยมีความโปร่งใสและซื่อสัตย์ พรรครัฐบาลมีการทำงานเชิงรุก แก้ปัญหาได้จริงและตรวจสอบได้มากที่สุด ซึ่งมองว่าเป็นจุดอ่อนของรัฐบาลที่ผ่านมา การบริหารราชการแผ่นดินยังไม่เห็นผลสัมฤทธิ์ที่เป็นรูปธรรม ขณะที่อยากเห็นพรรคฝ่ายค้านที่จะเกิดขึ้น สามารถตรวจสอบการทำงานของฝ่ายรัฐบาลอย่างตรงไปตรงมา ไม่ใช่ค้านไปทุกเรื่อง หรือทำให้สภาล่ม แต่สิ่งที่น่ากังวลมากที่สุดคือ หากมีการยุบสภาในตอนนี้ประชาชนยังไม่พร้อมที่จะเลือกตั้ง โดยไม่มีพรรคการเมืองไหนได้คะแนนถึง 25% แม้ว่าพรรคประชาชนจะมีคะแนนนำ ถึง 23.94% ก็ตาม จึงเป็นเรื่องที่ทุกพรรคการเมืองต้องตระหนักและนำไปปรับปรุงการทำงาน หากหวังจะได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งที่ (น่า) จะเกิดขึ้นในอีกไม่ถึง 4 เดือนข้างหน้า

ข่าวที่เกี่ยวข้อง