นางสาวดารณี แซ่จู ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับระบบการชำระเงิน และคุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า จากปัญหาประชาชนถูกระงับธุรกรรมและระงับวงเงิน ในช่วงเดือนกันยายน 2568 จากมาตรการตรวจสอบและปราบปรามบัญชีม้า โดยตรวจพบบัญชีต้องสงสัยเฉลี่ย 10,000 บัญชีต่อสัปดาห์ ซึ่งมาตรการดังกล่าวทำให้ประชาชนผู้บริสุทธ์ได้รับผลกระทบในบางส่วน ศูนย์ปฏิบัติการเพื่อป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ศปอท.) หรือ ศูนย์ AOC (Anti Online Scam Operation Center ) และธนาคารพาณิชย์ เห็นชอบร่วมกันในการปรับแนวทางการระงับธุรกรรมและกระบวนการปลดการระงับ เพื่อบรรเทาผลกระทบต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์
โดยให้ธนาคารพาณิชย์ดำเนินการ ดังนี้ หลังลูกค้าติดต่อ ศปอท. (AOC) โทร 1441 กด 2 เพื่อขอปลดล็อก ธนาคารพาณิชย์จะตรวจสอบข้อมูลของผู้ได้รับผลกระทบที่ได้รับจาก ศปอท. โดยเร็วที่สุด ไม่เกิน 2 ชั่วโมง (วันละ 3 รอบ) เพื่อส่งกลับให้ ศปอท. ประมวลผล (ไม่เกิน 2 ชั่วโมง) และส่งกลับมาแจ้งธนาคารเพื่อปลดล็อค การทำธุรกรรม ซึ่งจะใช้เวลาเร็วที่สุด 3-4 ชั่วโมง จากเดิม 3-7 วัน เพื่อลดผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน และยังป้องกันเส้นทางการเงินของมิจฉาชีพได้อย่างมีประสิทธิภาพ และให้ปรับการแจ้งผู้ถูกระงับธุรกรรมให้มีความชัดเจนถึงลักษณะการถูกระงับ และสิ่งที่ผู้ได้รับผลกระทบนั้นต้องทำต่อ และเป็นมาตรฐานยิ่งขึ้น โดยธนาคารพาณิชย์จะแจ้งลูกค้าว่า “ระงับธุรกรรมชั่วคราว” และ “วงเงินที่ระงับ” ซึ่งจะส่งผ่านช่องทางการติดต่อของธนาคาร โดยจะเริ่มภายในเดือนกันยายน 2568 นี้ แต่ย่อมขึ้นอยู่กับความพร้อมของแต่ละธนาคารด้วย ส่วนการถูกอายัดบัญชี ในกรณีกระทำการทุจริตทางการเงินนั้น จะต้องเป็นผู้ที่มีหมายอายัดจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ได้พิสูจน์ความผิดแล้ว โดยการปลดอายัดในกรณีนี้จะมีกระบวนการที่ต่างออกไปจากการถูกระงับธุรกรรมข้างต้น
สำหรับการพิจารณาระงับธุรกรรมในเส้นเงินนั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เร่งปรับกระบวนการเพื่อลดผลกระทบต่อผู้บริสุทธิ์โดยเร็ว ขณะที่ยังต้องดูแลเหยื่อให้ยังได้รับความช่วยเหลือที่เหมาะสมด้วย นอกจากนี้ธนาคารจะดำเนินการเชิงรุกโดยการนำข้อมูลลูกค้าที่ถูกระงับบัญชีหรืออายัดบัญชีที่ยังไม่ได้เข้ามาขอปลดล็อกมาพิจารณา หากตรวจสอบพบว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ จะปลดล็อกให้กับผู้บริสุทธิ์ที่อยู่ในเส้นเงิน ซึ่งเดิมนั้นเราพยายามกักเงินบนเส้นทางการเงินของบัญชีม้าให้ได้มากที่สุดเพื่อจำกัดความเสียหายจนกระทบผู้บริสุทธิ์ ซึ่งหลังจากนี้จะต้องปรับสัดส่วนเพื่อให้กระทบคนสุจริตให้น้อยที่สุด โดยเราจะปลดล็อกให้เร็วและกวาดเส้นเงินเท่าที่จำเป็น และถูกต้อง รวมถึงผู้ที่ถูกระงับจะต้องมีข้อมูลเพียงพอ
ด้านศาสตราจารย์พิเศษวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เป็นประธานการแถลงข่าวการดำเนินมาตรการเพิกถอนการระงับบัญชีธนาคารชั่วคราวในบัญชีที่อาจมีความเกี่ยวข้องกับบัญชีม้าของมิจฉาชีพ ซึ่งเป็นผลมาจากการบังคับใช้พระราชกำหนด (พ.ร.ก.) มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2568 ร่วมกับ สมาคมธนาคารไทย สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และ กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) ซึ่งตาม พ.ร.ก. ฯ ดังกล่าว ธนาคารมีหน้าที่ในการระงับการทำธุรกรรมทางการเงินเป็นการชั่วคราว โดยจะมีการระงับจำนวนเงินเฉพาะที่โอนออกไปจากบัญชีต้องสงสัยเท่านั้น ไม่ได้ระงับทั้งบัญชีแต่อย่างใด ซึ่งบัญชีธนาคารนั้นยังคงสามารถทำธุรกรรมได้อยู่ตามปกติ ในส่วนของการอายัดบัญชี เป็นกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการอายัดบัญชี ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา โดยมีหมายอายัดเท่านั้น
ตาม พ.ร.ก.ฯ ดังกล่าว ได้ให้อำนาจ ศูนย์ AOC ในการปลดล็อกการระงับวงเงินจากบัญชีธนาคารของประชาชนผู้สุจริตซึ่งถูกระงับชั่วคราวได้ ผ่านการดำเนินการของศูนย์ AOC 1441 โดยจะเร่งรัดดำเนินการตรวจสอบบัญชีของประชาชนและบัญชีต้องสงสัยว่าเป็นบัญชีม้า ผ่านการจัดตั้งศูนย์ประสานงานทำงานร่วมกัน ระหว่าง ศปอท. ธปท. ธนาคารพาณิชย์ที่เกี่ยวข้อง และเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อตรวจสอบบัญชีดังนี้ 1. เส้นทางการเงิน รูปแบบทางการเงินของบัญชีว่ามีลักษณะเป็นการทำธุรกรรมปกติหรือไม่ 2. เจ้าของบัญชีมีรายชื่อเกี่ยวข้องกับการอายัดบัญชีของ ปปง. และตำรวจหรือไม่ โดยจะเร่งปลดล็อกบัญชีของผู้ที่ได้รับผลกระทบในเร็วที่สุด
ตามที่มีการดำเนินมาตรการระงับวงเงินในบัญชีธนาคารชั่วคราว ซึ่งเป็นมาตรการในการตรวจสอบและปิดกั้นบัญชีม้าของมิจฉาชีพ เพื่อติดตามเส้นทางการเงินและนำเงินจากการก่ออาชญากรรมออนไลน์ของมิจฉาชีพกลับคืนมาให้กับผู้เสียหายซึ่งมีผลกระทบต่อประชาชนบางส่วนนั้น ขณะนี้กระทรวงดีอีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการแก้ไขมาตรการดังกล่าว เพื่อไม่ให้มีผลกระทบต่อประชาชนสุจริต ซึ่งไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง
ทั้งนี้การระงับวงเงินในบัญชีธนาคารชั่วคราวจะมีกรอบการระงับเป็นระยะเวลา 7 วัน หากไม่มีการแจ้งอายัดบัญชีจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ บัญชีที่มีการระงับชั่วคราวจะได้รับการถอนการระงับจากธนาคารในทันที ซึ่งจากการเปิดให้ประชาชนแจ้งเพื่อขอเพิกถอนการระงับบัญชีชั่วคราว ผ่าน ศปอท. หรือ ศูนย์ AOC โทร 1441 กด 2 นั้น พบว่ามีการแจ้งประมาณ 1,300 สาย โดยมีประมาณ 1,000 สาย ที่ไม่ให้ข้อมูลเพื่อทำการเพิกถอนการระงับบัญชี คงเหลือประมาณ 300 สายที่ให้ข้อมูลและสามารถดำเนินการเพิกถอนได้ที่ประมาณ 10 % ซึ่งทาง ศปอท. ได้มีคำสั่งไปยังธนาคารให้เพิกถอนการระงับบัญชีในทันที ผ่านการตรวจสอบตามกลไกของธนาคารต่าง ๆ โดยใช้ระยะเวลาในการตรวจสอบไม่เกิน 24 ชั่วโมง
สำหรับบัญชีที่มีการระงับวงเงินไว้ชั่วคราวและมีการยื่นคำร้องขอเพิกถอนแต่ไม่สามารถเพิกถอนได้เนื่องจากทาง ศปอท. ได้ตรวจสอบร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพบว่ามีลักษณะและพฤติกรรมเกี่ยวพันกับบัญชีต้องสงสัย โดยกรณีนี้จะไม่มีการเพิกถอนให้ และดำเนินการส่งต่อให้กับหน่วยงานพิจารณาดำเนินคดีต่อไป ในส่วนของผู้ได้รับผลกระทบและผู้บริสุทธิ์ หากแจ้งเรื่องยื่นข้อมูลหลักฐานยืนยันให้ ศปอท. ตรวจสอบ และพบว่าไม่มีความเกี่ยวข้องกับบัญชีม้า ศปอท. จะเพิกถอนการระงับบัญชีให้ในทันที เพื่อให้ได้รับผลกระทบจากมาตรการนี้น้อยที่สุด โดยการตรวจสอบบัญชีธนาคารนั้น จะตรวจสอบในส่วนของบัญชีที่ต้องสงสัย ไม่ว่าจะเป็นบัญชีธนาคารประชาชนทั่วไป พ่อค้าแม่ค้า ผู้ประกอบการร้านค้าขนาดเล็ก หรือบริษัทขนาดใหญ่
ขณะเดียวกันขอชี้แจงประชาชนว่า การระงับธุรกรรมของ ศปอท. เป็นการระงับธุรกรรมตามวงเงินจากบัญชีม้าของมิจฉาชีพเท่านั้น ไม่เกี่ยวข้องกับวงเงินอื่น ๆ ในบัญชีธนาคารนั้น และหากมีการกลั่นแกล้ง โดยเป็นการโอนเงินจากบัญชีม้าเข้ามาจะไม่กระทบกับวงเงินในบัญชีของประชาชนผู้สุจริต
ขณะที่นายเอกพงษ์ หริ่มเจริญ ผู้อำนวยการศูนย์ AOC กล่าวว่า การให้บริการของ AOC 1441 ขณะนี้มีเจ้าหน้าที่ 100 คู่สายตลอด 24 ชั่วโมง และกำลังจะเพิ่มอีก 20 คู่สาย เพื่อรองรับจำนวนสายที่เพิ่มขึ้น โดยจะพยายามคัดกรองเฉพาะสายที่มีข้อมูลชัดเจนเพื่อให้การช่วยเหลือมีประสิทธิภาพสูงสุด หากประชาชนที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดกฎหมาย สามารถติดต่อ ศูนย์ AOC โทร. 1441 กด 2 เพื่อดำเนินการเพิกถอนการระงับและคืนสิทธิ์ตามขั้นตอน ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ให้บริการ 24 ชั่วโมง จำนวน 100 คู่สาย โดยแจ้ง 1. ชื่อ – นามสกุล 2. หมายเลขบัตรประชาชน 3. หมายเลขบัญชีธนาคาร 4.ชื่อธนาคารเจ้าของบัญชี ต่อเจ้าหน้าที่ AOC เพื่อดำเนินการตรวจสอบ โดยศูนย์ AOC จะทำหน้าที่รับเรื่อง และประมวลผลข้อมูลเท่านั้น จะไม่ติดต่อกับประชาชนโดยตรง เพื่อป้องกันการแอบอ้างจากมิจฉาชีพ