“กระท่อมเสรี”ภัยเงียบทำร้ายเยาวชน แก้ปัญหาต้องเน้นการมีส่วนร่วม ของคนในชุมชน

นายสายนูดิน มามุ หัวหน้างานคุ้มครองสิทธิเสรีภาพและอำนวยความเป็นธรรม กองส่งเสริมและสนับสนุนงานพัฒนาความมั่นคง ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) เปิดเผยถึงนโยบาย “120 วัน วาระพืชกระท่อม” โดยเน้นย้ำว่าการแก้ปัญหาพืชกระท่อมและยาเสพติดต้องเริ่มจากการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน โดยเฉพาะชุมชนในพื้นที่

นายสายนูดิน มามุ กล่าวว่า แม้กระท่อมจะไม่ใช่สิ่งผิดกฎหมาย แต่เป็นสิ่งที่ประชาชนในพื้นที่มองว่าเป็นอบายมุข ซึ่งจะนำไปสู่การใช้ยาเสพติดประเภทอื่นที่รุนแรงกว่าในอนาคต โดยในอดีตคดีที่ขึ้นสู่ศาลกว่าครึ่งเป็นคดีพืชกระท่อมและยาบ้า แต่หลังจากที่กระท่อมถูกปลดออกจากบัญชียาเสพติด การเข้าถึงกระท่อมก็ง่ายขึ้น และเมื่อหยุดใช้จะเกิดอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อและกระเพาะ ซึ่งเป็นอาการที่ค่อนข้างรุนแรง

นายสายนูดิน มามุ เล่าถึงประสบการณ์การลงพื้นที่ในจังหวัดนราธิวาสว่า ได้ลองไปพูดคุยกับชาวบ้านในมัสยิดเรื่องการรณรงค์ต่อต้านกระท่อม และผลตอบรับที่ได้คือทุกคนเต็มใจที่จะร่วมกันติดป้ายรณรงค์โดยไม่มีการบังคับ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าชาวบ้านในชุมชนไม่ต้องการพืชกระท่อม

การแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่จึงไม่ควรเน้นแค่การปราบปรามเท่านั้น แต่ต้องเน้น “การมีส่วนร่วม” ของชุมชนและเข้าใจความต้องการของชาวบ้าน พร้อมยกอายะห์ในคัมภีร์อัลกุรอาน ซูเราะห์อัลรอดูด อายะห์ที่ 11 ที่ระบุว่า “แท้จริงแล้วอัลลอฮ์นั้นจะไม่ทรงเปลี่ยนแปลงสภาพชนกลุ่มใด เว้นแต่ชนกลุ่มนั้นจะเปลี่ยนแปลงสภาพของตัวเองเสียก่อน”

นายสายนูดิน มามุ เชื่อว่า ด้วยกระบวนการการมีส่วนร่วมนี้ จะนำไปสู่ความสำเร็จในอนาคตและมั่นใจว่าทุกหมู่บ้านในพื้นที่ชายแดนใต้จะไม่ต้องการพืชกระท่อม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง