ครม. อนุทิน เตรียมถวายสัตย์ 24 ก.ย. ก่อนแถลงนโยบายต่อรัฐสภา เดินหน้าบริหารประเทศ

เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศแต่งตั้งรัฐมนตรี โดยมีรายละเอียดความว่า พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้ประกาศว่า ตามที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นนายกรัฐมนตรี ตามประกาศลงวันที่ 7 กันยายน พุทธศักราช 2568 แล้ว นั้น

บัดนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้เลือกสรรผู้ที่สมควรดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี เพื่อบริหารราชการแผ่นดินสืบต่อไปแล้ว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 158 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งรัฐมนตรี ดังต่อไปนี้

1. นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ เป็นรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม

2. นายโสภณ ซารัมย์ เป็นรองนายกรัฐมนตรี

3. นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ เป็นรองนายกรัฐมนตรี

4. นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ เป็นรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง

5. ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า เป็นรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

6. นายสุชาติ ชมกลิ่น เป็นรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

7. นายภราดร ปริศนานันทกุล เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

8. นางสาวศุภมาส อิศรภักดี เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

9. นายนภินทร ศรีสรรพางค์ เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

  1. นายสันติ ปิยะทัต เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
  2. พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
  3. พลโท อดุลย์ บุญธรรมเจริญ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม
  4. นายวรภัค ธันยาวงษ์ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง
  5. นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
  6. นายอรรถกร ศิริลัทธยากร เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
  7. นายอัครา พรหมเผ่า เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
  8. นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
  9. นายอามินทร์ มะยูโซ๊ะ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
  10. นายนเรศ ธำรงค์ทิพยคุณ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
  11. นางสาวมัลลิกา จิระพันธุ์วาณิช เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม
  12. นายไชยชนก ชิดชอบ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
  13. นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน
  14. นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
  15. นายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย อีกตำแหน่งหนึ่ง
  16. นายทรงศักดิ์ ทองศรี เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย
  17. นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย
  18. นางสาวศศิธร กิตติธรกุล เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย
  19. พลตำรวจตรี รุทธพล เนาวรัตน์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม
  20. นางสาวตรีนุช เทียนทอง เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน
  21. นางสาวซาบีดา ไทยเศรษฐ์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม
  22. นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
  23. นายองอาจ วงษ์ประยูร เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
  24. นายพัฒนา พร้อมพัฒน์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
  25. นายวรโชติ สุคนธ์ขจร เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข
  26. นายธนกร วังบุญคงชนะ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม
  27. จ่าเอก ยศสิงห์ เหลี่ยมเลิศ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม

ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 19 กันยายน พุทธศักราช 2568 เป็นปีที่ 10 ในรัชกาลปัจจุบัน

ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี

ภายหลังโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งคณะรัฐมนตรีรัฐบาลนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี​ โดยทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้นายอนุทิน​ นำคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ เข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณตน ในวันพุธที่ 24 กันยายน 2568 เวลา 18.00 น. ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน

สำหรับขั้นตอนหลังการถวายสัตย์ปฏิญาณตนเรียบร้อยแล้ว คณะรัฐมนตรีที่จะเข้าบริหารราชการแผ่นดิน จะต้องแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ภายใน 15 วัน ตามที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 กำหนดไว้ในมาตรา 162 ความว่า

“มาตรา 162 คณะรัฐมนตรีที่จะเข้าบริหารราชการแผ่นดินต้องแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ซึ่งต้องสอดคล้องกับหน้าที่ของรัฐ แนวนโยบายแห่งรัฐ และยุทธศาสตร์ชาติ และต้องชี้แจงแหล่งที่มาของรายได้ที่จะนำมาใช้จ่ายในการดำเนินนโยบาย โดยไม่มีการลงมติความไว้วางใจ ทั้งนี้ ภายในสิบห้าวันนับแต่วันเข้ารับหน้าที่”

นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ขณะนี้ร่างนโยบายรัฐบาลเสร็จเรียบร้อยแล้ว 99% โดยที่ผ่านมาได้หารือกับภาคเอกชน หอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สัปดาห์หน้าจะพบกับตลาดทุนและสมาคมธนาคาร เพื่อนำข้อเสนอไปปรับเพิ่มเติม ก่อนเข้ารับหน้าที่อย่างเป็นทางการ ทั้งนี้ การแถลงนโยบายต่อรัฐสภาจะมีขึ้นหลังเข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณตน ขึ้นอยู่กับการนัดหมายของประธานรัฐสภา คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2 วัน

ด้านนางสาวแนน บุณย์ธิดา สมชัย สส.อุบลราชธานี และโฆษกพรรคภูมิใจไทย คาดว่าจะแถลงนโยบายได้วันที่ 29-30 กันยายน 2568 หรือ 30 กันยายน–1 ตุลาคม 2568 โดยวิป 3 ฝ่ายจะมีการหารือวันที่ 25–26 กันยายนนี้ เพื่อให้ได้ข้อสรุปวันแถลงนโยบาย

ขณะที่ นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคประชาชน ได้กล่าวถึงโฉมหน้าคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ว่า เวทีการตรวจสอบและอภิปรายเรื่องคำแถลงนโยบาย จะเป็นเวทีแรกที่พรรคประชาชนในฐานะฝ่ายค้านจะทำหน้าที่ ซึ่งได้ตั้งทีมและเตรียมผู้อภิปรายไว้แล้ว แบ่งเป็น 4 หมวดหมู่ ได้แก่ 1. การตรวจสอบและติดตามการรักษาสัญญาตามเงื่อนไข MOA และตรวจสอบกรอบเวลาการทำงานของรัฐบาลตามเงื่อนไข 4 เดือน รวมถึงรายละเอียดแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2. เดินหน้าตรวจสอบประเด็นที่สังคมตั้งคำถามเกี่ยวกับรัฐบาลพรรคภูมิใจไทย ทั้งกรณีฮั้ว สว. และที่ดินเขากระโดง 3. ตรวจสอบนโยบายเฉพาะหน้าที่คิดว่ารัฐบาลชุดนี้จะผลักดัน ทำให้คุณภาพชีวิตและปากท้องของพี่น้องประชาชนดีขึ้น ทั้งเงื่อนไขที่เกี่ยวข้องกับโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ และการป้องกันไม่ให้มีการใช้งบประมาณปี 2569 เพื่อสร้างคะแนนนิยมทางการเมืองหรือตนเอง ที่ไม่ใช่เพื่อประโยชน์ทางเศรษฐกิจและประชาชน 4. ตรวจสอบความเหมาะสมและศักยภาพในการทำงานของรายชื่อ ครม. ซึ่งมีทั้งรายชื่อใหม่ที่สังคมตั้งคำถามเกี่ยวกับผลประโยชน์ทับซ้อน เช่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และบุคคลที่ถูก ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดฐานทุจริตในปี 2565 

สำหรับประเด็นการแต่งตั้งบุคคลที่มีคดีค้างในสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ต้องมาพิสูจน์กัน ก่อนที่จะนำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ มีพระบรมราชโองการ ก็มีการตรวจสอบทุกขั้นตอน ซึ่งไม่เคยมีการตรวจสอบในระดับนี้มาก่อน และก่อนที่จะเสนอชื่อก็มีการประชุมร่วมกัน ในขณะที่ยื่นเรื่องขึ้นไปทุกหน่วยงานก็ไม่มีประเด็นอะไรที่เป็นปัญหา

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังกล่าวอีกว่า การประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติ (UNGA) วันที่ 25–26 กันยายน 2568 ที่สหรัฐอเมริกา หากการแถลงนโยบายต่อรัฐสภายังไม่แล้วเสร็จ อาจจำเป็นต้องเดินทางไปในฐานะผู้แทนประเทศไทย เพื่อชี้แจงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ฝ่ายกัมพูชาส่งจดหมายถึงผู้นำสหรัฐฯ กล่าวหาไทยละเมิดข้อตกลงหยุดยิงก็ต้องชี้แจง อย่างไรก็ตาม ได้มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศตรวจสอบเงื่อนไขต่างๆ อย่างรอบด้าน เพื่อให้ไทยสามารถแสดงท่าทีได้อย่างสมบูรณ์

สำหรับการพูดคุยทางโทรศัพท์กับนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย เมื่อรับตำแหน่งอย่างเป็นทางการจะได้พบกันเร็วที่สุด ในการประชุมสุดยอดอาเซียนเดือนหน้า โดยยืนยันว่ายังไม่มีการหารือรายละเอียดในเรื่องสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา หรือเหตุการณ์ที่จังหวัดสระแก้ว พร้อมย้ำว่า ไม่มีใครสามารถแทรกแซงรัฐบาลและอธิปไตยไทยได้ รัฐบาลจะยึดมั่นในศักดิ์ศรีและผลประโยชน์ของประเทศ รวมถึงความปลอดภัยของประชาชนเป็นสำคัญ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง