กรมอุตุนิยมวิทยา แจ้งเตือนช่วงวันที่ 22 – 25 ก.ย. บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออกมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง เนื่องจากร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่ปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น ส่วนในช่วงวันที่ 26 – 27 ก.ย. ประเทศไทยยังคงมีฝนตกต่อเนื่อง และมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก เนื่องจากร่องมรสุมจะเลื่อนลงมาพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่ปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยจะมีกำลังอ่อนลงเป็นกำลังปานกลาง
สำหรับพายุไต้ฝุ่น “รากาซา (RAGASA)” ความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 185 กม./ชม. กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกค่อนทางเหนือเล็กน้อย ด้วยความเร็วประมาณ 15 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คาดว่าจะเคลื่อนลงสู่ทะเลจีนใต้ในวันที่ 22 ก.ย.จากนั้นจะเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกไปทางเกาะฮ่องกง แล้วเคลื่อนตัวใกล้แนวชายฝั่งทางตอนใต้ของประเทศจีน ผ่านเกาะไหหลำ ลงสู่อ่าวตังเกี๋ยต่อไป โดยพายุนี้จะอ่อนกำลังลงเป็นพายุโซนร้อน ก่อนที่จะเคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณประเทศเวียดนามและประเทศลาวตอนบน โดยคาดว่าจะอ่อนกำลังลงอย่างรวดเร็ว เนื่องจากมีมวลอากาศเย็นจากประเทศจีนแผ่เสริมลงมาปกคลุมในช่วงวันที่ 24–26 ก.ย. 68 แต่ในช่วงที่ศูนย์กลางของพายุอยู่ในทะเลจีนใต้ตอนบน จะทำให้ร่องมรสุม และมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น จากอิทธิพลดังกล่าวเป็นอิทธิพลทางอ้อมของพายุ จะทำให้ในช่วงวันที่ 23–26 ก.ย.. 68 ประเทศไทยจะมีฝนเพิ่มมากขึ้น และมีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่บริเวณภาคเหนือตอนบน ภาคอีสาน ภาคกลางตอนบน ภาคตะวันออก รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล
ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มต่ำ น้ำท่วมขังในชุมชนเมือง ต้องเฝ้าระวัง คลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีกำลังแรงขึ้น โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังและเรือเล็กควรงดออกจากฝั่ง และติดตามประกาศจากกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิด
(22 ก.ย. 68) กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย รายงานสถานการณ์อุทกภัย ปัจจุบันมีสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ 14 จังหวัด ได้แก่ พิษณุโลก เพชรบูรณ์ พิจิตร นครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี นครปฐม ฉะเชิงเทรา และอำนาจเจริญ จำนวน 56 อำเภอ 348 ตำบล 1,934 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 72,032 ครัวเรือน 246,152 คน มีผู้เสียชีวิต 3 ราย (จ.เพชรบูรณ์ พิจิตร พระนครศรีอยุธยา)
จังหวัดพระนครศรีอยุธยา นายพีรธร นาคสุข ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาอยุธยา เปิดเผย หลังการประชุมทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เพื่อเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์น้ำ ในการเดินเรือโดยแจ้งให้ผู้ประกอบการขนส่งทางน้ำ ผู้ประกอบการท่าเทียบเรือ คนประจำเรือ หากมีการเพิ่มการระบายน้ำท้ายเขื่อนตั้งแต่ 2,500 ลบ.ม./วินาทีขึ้นไป (ปัจจุบันระบายน้ำที่ 2,200 ลบ.ม./วินาที) จะสั่งให้ผู้ประกอบการเดินเรือหยุดการจราจรทางน้ำ งดการขนส่งทางน้ำไปก่อนเพื่อความปลอดภัย และกำชับให้เรือลากจูงในแม่น้ำเจ้าพระยา ระมัดระวังในการเดินเรือ เนื่องจากขาขึ้นเป็นเรือหนักวิ่งสวนน้ำ ได้ปรับให้เหลือ 3 พ่วงของล่องเป็นเรือเบาให้วิ่งหลีกกัน ส่วนการควบคุมการจราจรเพิ่มความเข้มงวดให้ติดตามสถานการณ์น้ำทุกวันตามท่าเทียบเรือต่าง ๆ ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ประจำคอยดูแลความปลอดภัย โดยเฉพาะเด็กนักเรียนช่วงเช้าและช่วงเลิกเรียน เนื่องจากกระแสน้ำเริ่มแรง
กองพันทหารม้าที่ 11 กรมทหารม้าที่ 4 รักษาพระองค์ และศูนย์บรรเทาสาธารณภัย กองทัพภาคที่ 4 กองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ จัดกำลังพลช่วยเหลือเร่งด่วนประชาชนกลุ่มเปราะบางผู้สูงอายุ ที่มีบ้านเรือนติดริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อช่วยเหลือในการยกของขึ้นที่สูงจากระดับน้ำเจ้าพระยาที่เพิ่มระดับสูงขึ้น ในพื้นที่ซอยบ้านป้อม 37 หมู่ 9 ต.บ้านป้อม อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา จำนวน 10 หลังคาเรือน
ด้านศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ (SWOC) กรมชลประทาน รายงานสถานการณ์น้ำเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ น้ำในเขื่อน 729 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) (76%) น้ำไหลเข้า 673 ลบ.ม./วินาที เพื่อควบคุมระดับน้ำให้อยู่ในเกณฑ์เหมาะสม โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาป่าสักชลสิทธิ์จะทยอยปรับเพิ่มการระบายน้ำจาก 500 – 650 ลบ.ม./วินาที (ปัจจุบันระบายน้ำ 400 ลบ.ม./วินาที เป็น 500 ลบ.ม./วินาที) โดยวันที่ 24 ก.ย. 68 ระบายน้ำ 550 ลบ.ม./วินาที 25 ก.ย. 68 ระบายน้ำ 600 ลบ.ม./วินาที และ 26 ก.ย. 68 ระบายน้ำ 650 ลบ.ม./วินาที ระดับน้ำแม่น้ำป่าสักจะสูงขึ้นราว 1.50–1.80 ม. อาจล้นตลิ่งในพื้นที่ต่ำ เช่น ตลาดน้ำต้นตาล อ.เสาไห้ จ.สระบุรี ต.แสลงพัน อ.วังม่วง จ.สระบุรี ต.แก่งเสือเต้น ต.หินซ้อน อ.พัฒนานิคม จ.ลพบุรี ชุมชนวัดสะตือ
อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา ขอให้ประชาชนเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
สำหรับการใช้พื้นที่ทุ่งบางระกำ จ.พิษณุโลก ซึ่งเป็นแก้มลิงหน่วงน้ำจากลุ่มน้ำยม ช่วยบรรเทาน้ำหลากในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่าง กรมชลประทาน รายงานว่าปัจจุบันสามารถกักเก็บน้ำได้แล้ว 397 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็นร้อยละ 99 ของความจุ (400 ล้าน ลบ.ม.)
สถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั่วประเทศ ปัจจุบันมีปริมาณน้ำรวม 59,804 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็นร้อยละ 78 ของความจุอ่างฯ รวมทั้งหมด ยังสามารถรองรับน้ำได้อีกกว่า 16,700 ล้าน ลบ.ม. เฉพาะในลุ่มน้ำเจ้าพระยา 4 เขื่อนหลัก ได้แก่ เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ มีปริมาณน้ำรวมกัน 20,548 ล้าน ลบ.ม. หรือร้อยละ 83 ของความจุอ่างฯ และยังสามารถรองรับน้ำได้อีกกว่า 4,300 ล้าน ลบ.ม. นอกจากนี้ ยังให้ติดตามและบริหารจัดการน้ำอย่างใกล้ชิดในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ที่มีปริมาณน้ำเกินเกณฑ์ควบคุม (Upper Rule Curve: URC) จำนวน 9 แห่ง ได้แก่ เขื่อนสิริกิติ์ จ.อุตรดิตถ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน จ.พิษณุโลก เขื่อนแม่มอก จ.ลำปาง เขื่อนห้วยหลวง จ.อุดรธานี เขื่อนน้ำอูน จ.สกลนคร เขื่อนน้ำพุง จ.สกลนคร เขื่อนจุฬาภรณ์ จ.ชัยภูมิ เขื่อนอุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น เขื่อนบางพระ จ.ชลบุรี และเขื่อนนฤบดินทรจินดา จ.ปราจีนบุรี
จังหวัดเพชรบูรณ์ นายศรัณยู มีทองคำ ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ ได้มอบหมายให้สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเพชรบูรณ์ สำนักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดเพชรบูรณ์ อ.หล่มสัก และเทศบาลเมืองหล่มสัก เร่งดำเนินการซ่อมแซมพนังกั้นน้ำที่พังเสียหาย ดำเนินการเคลียร์พื้นที่หลังระดับน้ำลดลง โดยวางแนวเสาไฟฟ้าแนวนอน 2 ต้น ระยะทางประมาณ 108 เมตร เสริมด้วยแบริเออร์และถุงทรายบิ๊กแบ็ค คาดว่าจะใช้เวลาในการดำเนินการประมาณ 24 ชั่วโมง
นายธงชัย เสนาะศรีตระกูล หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเพชรบูรณ์ รายงานสถานการณ์น้ำท่วม อ.หล่มสัก ภาพรวมเริ่มคลี่คลาย หลังได้รับผลกระทบตั้งแต่ 19 ก.ย. 68 ครอบคลุม 7 ตำบล 1 เทศบาล 51 หมู่บ้าน/ชุมชน 5,858 ครัวเรือน ผู้ประสบภัย 14,267 คน ได้เคลื่อนย้ายกลุ่มเปราะบาง แจกอาหารและน้ำดื่ม ส่วนสถานการณ์น้ำในพื้นที่ อ.หล่มสัก ระดับน้ำบริเวณฝายศรีจันทร์ หมู่ที่ 4 ต.ท่าอิบุญ ระดับไหลผ่านฝายระดับน้ำสูงกว่าสันฝายประมาณ 0.10 เมตร ปริมาณน้ำทรงตัวเข้าสู่สภาวะปกติ ส่วนระดับน้ำบริเวณฝายริมแม่น้ำป่าสักฝั่งซ้าย หมู่ที่ 5 บ้านวังร่อง ต.ห้วยไร่ ระดับน้ำทรงตัวอยู่ในระดับ 2.10 เมตร (ระดับวิกฤตสันฝาย 3.50 เมตร) ระดับน้ำลดลงสู่สภาวะปกติ และระดับน้ำบริเวณสะพานตาลเดี่ยว ระดับน้ำในระดับ 8.42 เมตร สูงกว่าตลิ่ง 0.12 เมตร (ระดับตลิ่ง 8.30 ม.) ระดับน้ำลดลงต่อเนื่อง ทางอำเภอได้แจ้งกำชับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกแห่ง ได้เตรียมความพร้อมบุคลากร เครื่องจักรกลสาธารณภัย รองรับสถานการณ์ เพื่อให้พร้อมเข้าช่วยเหลือประชาชนได้ตลอด 24 ชม.
ขณะที่ กองพันทหารม้าที่ 28 กองพลทหารม้าที่ 1 นำกำลังพลจิตอาสา “เราทำความดี ด้วยหัวใจ” ร่วมบูรณาการกับเทศบาลเมืองหล่มสักและส่วนราชการ เจ้าหน้าที่กู้ภัย เข้าช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ อ.หล่มสัก หลังพนังกั้นน้ำเสียหาย โดยอพยพประชาชนออกนอกพื้นที่และขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูง ส่วนราชการในพื้นที่ได้ร่วมกันทำพนังกั้นน้ำชั่วคราว ปัจจุบันระดับน้ำอยู่ในเกณฑ์วิกฤต (ธงแดง) หากไม่มีฝนตกทำให้น้ำเข้ามาเพิ่มเติมคาดว่า 3-4 วันจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ พร้อมกันนี้ ได้จัดตั้งโรงครัวพระราชทานประกอบอาหารปรุงสุกให้กับประชาชนในพื้นที่ และวางแผนร่วมกับส่วนราชการในการฟื้นฟูหลังน้ำลดต่อไป
สำหรับประชาชนขอให้ติดตามข่าวสารจากทางราชการอย่างใกล้ชิด ปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด และเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์ภัยที่อาจเกิดขึ้น สามารถแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือได้ ทางไลน์ “ปภ.รับแจ้งเหตุ 1784” และสายด่วนนิรภัย โทร. 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง นอกจากนี้ ประชาชนยังสามารถติดตามประกาศการแจ้งเตือนภัยได้ที่แอปพลิเคชัน “THAI DISASTER ALERT” ทุกที่ ทุกเวลา