นายพิสิษฐ์ อภิวัฒนาพงศ์ สมาชิกวุฒิสภา ในฐานะโฆษกวิปวุฒิสภา กล่าวถึงการพิจารณาร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญและการจัดทำประชามติ ซึ่งมีข้อกังวลเกี่ยวกับเสียง 1 ใน 3 สว.ว่า ส่วนตัวหากมีการเสนอร่างฯ จะต้องมีการมาพิจารณาว่าแต่ละร่างมีเนื้อหาสาระอย่างไร แก้ไขอะไรบ้าง หากการแก้ไม่แตะหมวด 1-2 พร้อมที่จะให้ความเห็น ขณะนี้สมาชิกวุฒิสภายังไม่ได้มีการพูดคุยหารือกันในเรื่องเกี่ยวกับร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ เบื้องต้นจะมีการประชุมวิป 3 ฝ่าย เพื่อกำหนดวันแถลงนโยบายรัฐบาล
นายพิสิษฐ์ กล่าวว่า การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะต้องเป็นไปตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะโมเดล ส.ส.ร. ที่ไม่สามารถมาจากการเลือกตั้งทางตรงได้ แต่ขณะนี้ยังไม่ได้เห็นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคการเมืองว่ามีเนื้อหาสาระอย่างไร จึงยังไม่สามารถให้ความเห็นได้ชัดเจน ซึ่งหากวุฒิสภาแต่ละคนได้เห็นร่างแก้ไขเพิ่มเติมอย่างชัดเจนอาจจะมีมุมมองเช่นเดียวกัน หากสมาชิกวุฒิสภาได้เห็นร่างแก้ไขเพิ่มเติมของแต่ละพรรคการเมือง มีเนื้อหารายละเอียดอย่างไรเชื่อว่าสมาชิกวุฒิสภาก็มีโอกาสได้หารือพูดคุยกัน และยังแสดงความเห็นว่าโมเดล ส.ส.ร. ที่มาจากการเลือกตั้งประชาชนทางอ้อม สามารถทำได้ ตามที่หลายภาคส่วนได้มีการเสนอโมเดลออกมา โดยไม่ได้เลือกตั้งโดยตรงเชื่อว่าไม่น่ามีปัญหาหรือขัดต่อคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ
นายพิสิษฐ์ กล่าวต่อว่า ผู้ที่ต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มีเพียงนักการเมือง ซึ่งส่วนตัวไม่มั่นใจว่าประชาชน ต้องการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ หรือทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ เพราะสิ่งที่เห็นคือนักการเมืองกลัวรัฐธรรมนูญฉบับนี้ เรื่องสุจริตเป็นที่ประจักษ์และจริยธรรมอย่างร้ายแรง ดังนั้นจึงอยากแก้ แต่ไม่กระทบประชาชน
นายพิสิษฐ์ กล่าวต่อว่า ถึงข้อสังเกตความสัมพันธ์กับสมาชิกวุฒิสภา และบ้านใหญ่ทางการเมืองบุรีรัมย์ จนได้ชื่อว่าเป็น สว. สีน้ำเงิน ว่าเป็นความคิดเห็นของบุคคลอื่นที่มองกัน แต่ยืนยันว่าสมาชิกวุฒิสภาไม่ได้สังกัดพรรคการเมืองและตนเองไม่ได้รู้จักนายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นการส่วนตัว หรือนักการเมืองเป็นการส่วนตัว แต่การพูดคุยกันทุกอย่างอยู่บนหลักการคือ พรรคการเมืองเสนอร่างมา หากวุฒิสภาเห็นชอบด้วยก็พร้อมที่จะยกมือให้ ยืนยันไม่มีการล็อบบี้