พริกไทย มีแนวโน้มราคาปรับตัวสูงขึ้น เป็นที่ต้องการของตลาด สู่การเป็นพืชเศรษฐกิจชนิดใหม่

นางธัญธิตา บุญญมณีกุล รองเลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เปิดเผยว่า จากการสำรวจสถานการณ์พริกไทยของประเทศ ซึ่งมีพื้นที่ปลูกมากที่สุดในภาคตะวันออก พบว่า ราคาที่เกษตรกรขายได้มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยราคาเฉลี่ยพริกไทยดำจังหวัดจันทบุรี ในปี 2568 (เดือนมกราคม – กันยายน) อยู่ที่ 270.36 บาท/กิโลกรัม เพิ่มขึ้นจากราคาเฉลี่ยของปีที่ผ่านมา (2567) ที่ 250 บาท/กิโลกรัม ซึ่งปัจจัยหลักมาจากการที่พริกไทยไทยมีคุณภาพดี ได้รับความนิยมทั้งในและต่างประเทศ แต่ปริมาณผลผลิตลดลง โดยในปีที่ผ่านมามีการบริโภคในประเทศ 6,321 ตัน/ปี มีปริมาณนำเข้า 6,938 ตัน/ปี มูลค่าการนำเข้า 1,596 ล้านบาท และมีปริมาณส่งออก 878 ตัน/ปี มูลค่าส่งออก 283 ล้านบาท

จากข้อมูลผลพยากรณ์การผลิตพริกไทย ในปี 2569 (ข้อมูล ณ กรกฎาคม 2568) คาดว่า จะมีเนื้อที่ยืนต้นรวมทั้งประเทศ 519 ไร่ ลดลงจากปี 2568 ที่มีจำนวน 549 ไร่ (หรือร้อยละ 5.48) และเนื้อที่ให้ผลรวม 514 ไร่ ลดลงจากปี 2568 ที่มีจำนวน 548 ไร่ (ร้อยละ 6.20) สาเหตุหลักมาจากการที่เกษตรกรปรับเปลี่ยนไปปลูกไม้ผลอื่นโดยเฉพาะทุเรียน เนื่องจากให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า รวมถึงเกษตรกรส่วนใหญ่ที่ปลูกพริกไทยแซมในสวนทุเรียน เมื่อทุเรียนโตขึ้นและต้องการพื้นที่ดูแลเพิ่มขึ้น จึงต้องรื้อค้างพริกไทยออก แต่ผลผลิตรวม คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 326 ตัน (ร้อยละ 3.82) เนื่องจากสภาพภูมิอากาศเอื้ออำนวยต่อการออกดอกและติดผล ประกอบกับเกษตรกรมีการดูแลรักษาต้นพริกไทยเป็นอย่างดี ไม่มีเชื้อราและศัตรูพืชมารบกวน

ทั้งนี้แม้พื้นที่ยืนต้นพริกไทยจะลดลง แต่ด้วยปัจจัยด้านผลผลิตต่อไร่ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงความต้องการของตลาดโลกที่ยังคงเติบโต ทำให้พริกไทยมีศักยภาพที่จะกลายเป็น พืชเศรษฐกิจที่สร้างรายได้ใหม่ให้กับเกษตรกรไทย และช่วยเพิ่มความมั่นคงทางอาหารของประเทศในอนาคต โดยหน่วยงานภาครัฐได้มีการส่งเสริมที่หลากหลาย อาทิ การสนับสนุนการขยายพื้นที่ปลูกในพื้นที่ศักยภาพ การส่งเสริมการผลิตตามมาตรฐาน GAP  การสนับสนุนการแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่า การส่งเสริมการอนุรักษ์พันธุ์พื้นถิ่นและสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) รวมถึงการจัดฝึกอบรมและรวมกลุ่มเกษตรกรเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการตลาด เพื่อเปิดโอกาสและเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันบนเวทีโลกได้อย่างแท้จริง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง