“ข้าวไร่หอมหัวบอนกระบี่”ขึ้นทะเบียน GI กลิ่นหอมเผือกเฉพาะตัว สร้างรายได้ให้ชุมชน

นางสาวนุสรา กาญจนกูล อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา เผยว่า กรมทรัพย์สินทางปัญญา มีนโยบายสร้างรากฐานทางเศรษฐกิจให้เข้มแข็ง กระจายรายได้สู่ชุมชนอย่างยั่งยืน กรมฯ จึงมุ่งเน้น ให้ความสำคัญในการยกระดับความสามารถในการแข่งขันภาคเกษตร ผ่านการขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ หรือ GI เพื่อคุ้มครองสินค้าที่มีเอกลักษณ์เฉพาะในแต่ละท้องถิ่น สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้า อีกทั้งยังเป็นการควบคุม คุณภาพสินค้า เพื่อสร้างความเชื่อมั่นของผู้บริโภค 

ล่าสุด กรมทรัพย์สินทางปัญญา ได้ประกาศขึ้นทะเบียน “ข้าวไร่หอมหัวบอนกระบี่” เป็นสินค้าข้าว GI ลำดับที่ 24 และเป็นสินค้า GI ลำดับ 3 ของจังหวัดกระบี่ต่อจาก สินค้ากาแฟเมืองกระบี่ และทุเรียนทะเลหอย ที่ได้รับการขึ้นทะเบียน GI ไปก่อนหน้านี้ “ข้าวไร่หอมหัวบอนกระบี่” คือ ข้าวเปลือก ข้าวกล้อง และข้าวซ้อมมือ ที่แปรรูปมาจาก ข้าวเปลือกพันธุ์หอมหัวบอน ซึ่งเป็นข้าวไร่พื้นเมืองดั้งเดิมของจังหวัดกระบี่ ข้าวกล้องจะมีสีน้ำตาลแดง 

ส่วนข้าวซ้อมมือจะมีสีขาวขุ่นปนน้ำตาลแดง รูปร่างเรียว ปลูกและแปรรูปในเขตพื้นที่จังหวัดกระบี่ มีสภาพดิน เป็นดินร่วนปนทราย มีความอุดมสมบูรณ์ของดินต่ำ ปฏิกิริยาดินเป็นกรดจัดมากถึงด่างเล็กน้อย และเนื่องจาก ข้าวหอมหัวบอนเป็นข้าวที่มีพันธุกรรมตอบสนองเฉพาะดิน ทำให้ข้าวมีความหอมและทนทานต่อโรค 

อีกทั้งจังหวัดกระบี่มีภูมิอากาศแบบมรสุมเขตร้อน ได้รับอิทธิพลจากลมมรสุมตะวันออกเฉียงใต้และลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ ทำให้มีฝนตกชุกตลอดปี ด้วยลักษณะภูมิประเทศและภูมิอากาศดังกล่าว ทำให้จังหวัดกระบี่ เหมาะกับการปลูกและเจริญเติบโตของข้าวไร่หอมหัวบอนกระบี่ และส่งผลให้ข้าวไร่หอมหัวบอนกระบี่ มีคุณลักษณะที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ เมื่อหุงสุกข้าวจะนุ่มและมีกลิ่นหอมเหมือน “เผือก” หรือ “บอน” ในภาษาใต้ จึงเป็นที่มาของชื่อ หอมหัวบอน หรือหัวบอน หรือหอมบอน 

แม้ปัจจุบัน การปลูกข้าวในจังหวัดกระบี่ จะลดน้อยลง แต่ข้าวไร่หอมหัวบอนยังคงเป็นที่นิยมปลูก เนื่องจากเป็นที่นิยมจากผู้บริโภคในพื้นที่และ ต่างจังหวัด อีกทั้งยังได้รับการรับรองพันธุ์ ข้าวจากกรมการข้าวในปี พ.ศ. 2567 ยิ่งทำให้ข้าวไร่หอมหัวบอน มีแนวโน้มการบริโภคเพิ่มมากขึ้น การปลูกข้าวไร่หอมหัวบอนจึงมีความสำคัญในระบบเศรษฐกิจ สร้างรายได้ ให้กับชุมชนกว่า 66 ล้านบาท 

ปัจจุบัน ประเทศไทยมีสินค้าที่ได้รับการขึ้นทะเบียน GI จากกรมทรัพย์สินทางปัญญา ครอบคลุมทั้ง 77 จังหวัด ทำให้สินค้าท้องถิ่นได้รับการยกระดับมูลค่าสร้างรายได้สู่ชุมชนและสร้างความเข้มแข็งให้กับ เศรษฐกิจฐานรากของไทยอย่างยั่งยืน ทั้งนี้ กรมทรัพย์สินทางปัญญา ขอเชิญชวนทุกท่านติดตามข่าวสารความเคลื่อนไหว และร่วมสนับสนุนผู้ประกอบการสินค้า GI ได้ที่ Facebook Page : GI Thailand หรือโทรสายด่วน 1368

ข่าวที่เกี่ยวข้อง