ครบรอบความสัมพันธ์ทางการทูต 50 ปีไทย-จีน ชู 5 มิติส่งเสริมความร่วมมือสู่อนาคต

พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ ประธานองคมนตรี เปิดงาน Thailand – China Cooperation Expo 2025 ที่ อาคารชาเลนเจอร์ อิมแพ็ค เมืองทองธานี โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ร่วมกล่าวปาฐกถาพิเศษภายในงาน

พลเอก สุรยุทธ์ กล่าวเปิดงานว่า งานดังกล่าวถือเป็นกิจกรรมสำคัญ ที่สะท้อนถึงมิตรภาพอันแน่นแฟ้นความเชื่อมั่น ไว้วางใจและความร่วมมือในทุกๆ ด้านที่ทั้งสองประเทศมีให้แก่กันมาอย่างยาวนาน ทั้งในระดับประมุขแห่งรัฐ ที่มีความผูกพันมั่นคงในพระราชไมตรี ระหว่างราชสำนักของทั้งสองประเทศตั้งแต่อดีตกาล ซึ่งเป็นรากฐานของความสัมพันธ์บนความไว้วางใจและความซื่อสัตย์อันมั่นคงต่อกันต่อเนื่องมาจนปัจจุบัน  ระดับรัฐต่อรัฐที่ดำเนินมาภายใต้ ดำเนินการเคารพให้เกียรติซึ่งกันและกันโดยไม่แทรกแซงกิจการภายใน ระดับประชาชนต่อประชาชน ที่มีความสัมพันธ์เชื่อมโยงประหนึ่งครอบครัวเดียวกันดังคำกล่าวที่มีมานานว่า จีน ไทยใช่อื่นไกลพี่น้องกัน และระดับภาคเอกชนต่อภาคเอกชน ที่ร่วมกันขับเคลื่อนทางธุรกิจ กิจการท่องเที่ยว การค้า การลงทุน การถ่ายทอดเทคโนโลยีและการเปิดโอกาสใหม่ๆ ให้แก่คนรุ่นหลังได้สืบทอดต่อไป

ในปีอันเป็นมงคลนี้ราชอาณาจักรไทยและสาธารณรัฐประชาชนจีน ยังได้ร่วมมือกันจากกิจกรรมสำคัญอื่นๆ อีกมากมาย อันสะท้อนถึงพลังแห่งมิตรภาพและความมุ่งมั่นที่จะก้าวต่อไปข้างหน้าด้วยกันอย่างยั่งยืนยืน

ขณะที่ นายกรัฐมนตรี ระบุว่า รู้สึกเป็นเกียรติและยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มาร่วมงาน Thailand – China Cooperation Expo 2025 ซึ่งเป็นอีกหนึ่งเวทีที่สำคัญที่จะสะท้อนถึงความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่างประเทศไทยกับสาธารณรัฐประชาชนจีนโดยเฉพาะอย่างยิ่งในปีนี้ ที่เป็นวาระครบรอบ 50 ปีแห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตของทั้งสองประเทศ

นายอนุทิน กล่าวว่า ครึ่งศตวรรษที่ผ่านมาไทยและจีนได้ร่วมกันสร้างฐานความร่วมมือและความมั่นคงในทุกมิติ ทั้งด้านการค้า การลงทุน รวมทั้งความสัมพันธ์ระหว่างประชาชน ซึ่งในอนาคตตนมั่นใจว่ารากฐานนี้จะนำพาเราไปสู่โอกาสใหม่ที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิม เพราะจีนได้พิสูจน์ให้โลกได้เห็นถึงพลังแห่งการพัฒนา โดยเฉพาะเศรษฐกิจดิจิทัลและการเป็นผู้นำในพลังงานสะอาด ขณะเดียวกันประเทศไทยเองก็กำลังยกระดับโครงสร้างพื้นฐานและระบบเศรษฐกิจเพื่อตอบโจทย์การเติบโตในอนาคต การมาบรรจบกันของทั้งสองประเทศจึงเป็นโอกาสทองที่เราจะได้ร่วมกันสร้างความเจริญรุ่งเรืองในหลายมิติ

ทั้งนี้ ความร่วมมือของไทยและจีนในอนาคตจะไม่หยุดอยู่เพียงการค้าและการลงทุนเท่านั้น แต่ตนมองว่าจะขยายสู่ 5 มิติที่สำคัญเป็นอย่างน้อย ประกอบด้วย

1.มิติการเชื่อมโยงโครงสร้างพื้นฐานและโลจิสติกส์ โดยเฉพาะการลงทุนในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ หรืออีอีซี รวมถึงการเดินหน้าพัฒนารถไฟเชื่อมโยงความเร็วสูง เพื่อสร้างเครือข่ายการท่องเที่ยวที่ไร้รอยต่อ

2.มิติพลังงานสีเขียวและพลังงานสะอาด ไทยพร้อมเป็นฐานการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าและเทคโนโลยีตลอดจนแบตเตอรี่ โดยมีจีนเป็นพันธมิตรหลัก นอกจากนี้ในโอกาสครบรอบ 50 ปีของความสัมพันธ์ทั้งสองประเทศ เรายังได้ร่วมกันกำหนดแผนพัฒนาการค้าและความร่วมมือทางเศรษฐกิจฉบับใหม่ในระยะ 5 ปี ระหว่างปี 2568 -ปี 2572 เพื่อขยายความร่วมมือสู่สาขายุทธศาสตร์ใหม่ อาทิ เซมิคอนดักเตอร์ แบตเตอรี่และพลังงานสีเขียว เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน

3.มิติการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัล ทั้งสองประเทศจะสร้างเทคโนโลยีที่เชื่อมโยงระบบการเงิน การค้าข้ามแดน และการวิจัยด้านปัญญาประดิษฐ์ที่จะช่วยให้ผู้ประกอบการทั้งไทยและจีน โดยเฉพาะ SME และ Start-up ได้เข้าถึงตลาดใหม่อย่างสะดวกยิ่งขึ้น

4.มิติด้านการเกษตรและความมั่นคงทางอาหาร ซึ่งสำคัญมากกับประเทศผู้ผลิตอย่างไทยและประเทศที่มีประชากรมหาศาลอย่างจีน

และ 5.มิติการแลกเปลี่ยนระหว่างประชาชน ทั้งด้านการศึกษา วัฒนธรรม และการท่องเที่ยว อย่างการท่องเที่ยวเชิงคุณภาพ การแลกเปลี่ยนการศึกษาของบุคลากรวิชาชีพ ตลอดจนวัฒนธรรมที่จะทำให้ความสัมพันธ์ไทย-จีนมีความแน่นแฟ้นอยู่บนรากฐานของความเข้าใจและต่อยอดมรดกทางวัฒนธรรมระหว่างกัน

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในฐานะนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลไทย ตนขอเรียนว่าเรามีความมุ่งมั่นที่จะทำให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางทางการค้า การลงทุน และนวัตกรรมของภูมิภาค โดยร่วมมือกับประเทศจีนอย่างใกล้ชิด เดินหน้าลดอุปสรรคปรับปรุงกฎระเบียบ และเพิ่มความสะดวกในการดำเนินธุรกิจ เพื่อให้ภาคเอกชนของทั้งสองประเทศเติบโตไปด้วยกันอย่างมั่นคง ขณะเดียวกันประเทศไทยจะพิสูจน์ว่าเราไม่ได้เป็นเพียงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจ แต่เป็นประตูบานสำคัญที่จะเปิดไปสู่ความร่วมมืออื่นๆ ในภูมิภาคนี้เพื่อให้มิตรภาพที่มีต่อกันมายาวนานระหว่างไทยและจีนเป็นเหมือนก้าวกระโดด นำไปสู่ความพัฒนาอย่างยั่งยืนในทุกมิติต่อไป ตนเชื่อมั่นว่างานนี้จะไม่เป็นเพียงเวทีในการแสดงศักยภาพ แต่จะเป็นหมุดหมายสำคัญของอนาคตที่ไทยและจีนจะร่วมกันสร้างบนพื้นฐานแห่งความไว้เนื้อเชื่อใจความร่วมมือและวิสัยทัศน์ร่วมกัน

ทั้งนี้ ตนขอแสดงความชื่นชมและขอขอบคุณทุกฝ่าย โดยเฉพาะสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย หอการค้าไทยจีน และสมาคมการค้าวิสาหกิจจีน ที่ได้ร่วมกันจัดงานนี้ พร้อมขออำนวยพรให้การจัดงานครั้งนี้ประสบความสำเร็จตามความมุ่งหมายทุกประการ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง