นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถ้อยแถลงในการอภิปรายทั่วไป (General Debate) การประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยสามัญ ครั้งที่ 80 (UNGA79) ที่นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา โดยเน้นย้ำ ว่าประเทศไทยยึดมั่นในระบอบพหุภาคีนิยม พร้อมยืนยันว่าโลกยังคงต้องการสหประชาชาติ (UN) ตามหัวข้อหลักของการประชุมที่กระตุ้นเตือนทุกชาติสมาชิกว่า ‘รวมกันย่อมดีกว่า’ (Better Together)
เนื่องจากปัจจุบัน โลกกำลังเผชิญกับความแตกแยก ทั้งจากการกีดกันทางการค้า ความขัดแย้ง การเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ เช่น สงครามในยูเครนที่ยืดเยื้อมาแล้ว 3 ปี หรือความทุกข์ทรมานของผู้คนในฉนวนกาซา ไทยจึงย้ำความตั้งใจที่จะดำเนินบทบาทสนับสนุนให้เกิดสันติภาพ ทั้งการกวาดล้างทุ่นระเบิดกว่าร้อยละ 99 ในพื้นที่ ซึ่งเกิดขึ้นภายใต้อนุสัญญาต่อต้านทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ที่ไทยเป็นรัฐภาคี การต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติ การช่วยเหลือเพื่อนำสันติภาพกลับสู่เมียนมา รวมทั้งการช่วยเหลือชาวกัมพูชาที่เคยอพยพหนีความขัดแย้งภายในเมื่อปี 1970 เข้าในพื้นที่ไทย และขยายพื้นที่อพยพดังกล่าวเข้ามาในพื้นที่อธิปไตยไทย จนนำไปสู่ความขัดแย้งระดับชาติในขณะนี้
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ย้ำว่า แม้การหารือสี่ฝ่ายระหว่างสหรัฐฯ มาเลเซีย ไทย และกัมพูชา ที่เกิดขึ้นในห้วงการประชุมครั้งนี้ จะมีบรรยากาศที่ช่วยสร้างความเชื่อมั่นและนำไปสู่สันติภาพ แต่สถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริงในพื้นที่ กลับสะท้อนถึงเจตนาที่ตรงกันข้ามจากฝ่ายกัมพูชา ที่ยังคงบิดเบือนความจริงที่เกิดขึ้นและพยายามเล่นบทเหยื่อ ทั้งที่แท้จริง เหยื่อของความรุนแรงที่เกิดขึ้นคือ ทหารไทยที่สูญเสียขาจากทุ่นระเบิด ประชาชนที่เสียชีวิตในร้านสะดวกซื้อจากจรวดกัมพูชา
ไทยในฐานะประเทศเพื่อนบ้าน จึงต้องย้ำถามกัมพูชา ว่ายังคงต้องการกลับมาสู่สันติภาพและความร่วมมือระหว่างกันหรือไม่ ซึ่งไม่ใช่เฉพาะคำพูดเท่านั้น แต่เป็นหนทางที่ไทยยึดมั่นปฏิบัติเสมอ เพื่อรักษาเสถียรภาพและสันติภาพที่มีร่วมกัน ทั้งในฐานเพื่อนบ้าน ชาติสมาชิกอาเซียน แต่ในขณะเดียวกัน ไทยก็ยืนหยัดว่าจะต้องปกป้องพื้นที่อธิปไตยของชาติด้วยเช่นกัน จึงขอให้ทุกชาติสมาชิกร่วมกันทำให้สิ่งที่พูดในวันนี้ กลายเป็นการกระทำที่เกิดขึ้นจริง เพื่อนำไปสู่อนาคตที่ดีกว่าร่วมกัน