วันหัวใจโลกปี 2568 ดูแลหัวใจทุกวินาทีมีค่า ทุกจังหวะหัวใจคือชีวิต มุ่งเน้นให้ประชาชนออกกำลังกาย

นายแพทย์ภาณุมาศ ญาณเวทย์สกุล อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า วันที่ 29 กันยายนของทุกปีเป็นวันหัวใจโลก และในปีนี้ สมาพันธ์หัวใจโลก ได้กำหนดประเด็นการรณรงค์ คือ Don’t miss a beat : อย่าพลาดจังหวะหัวใจ เพราะการดูแลหัวใจทุกวินาทีมีค่าและทุกจังหวะหัวใจคือชีวิต มุ่งเน้นให้ประชาชนออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอและเลือกรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพเพื่อป้องกันการเกิดโรคหัวใจ

ข้อมูลจากสมาพันธ์วันหัวใจโลก ระบุว่า โรคหัวใจและหลอดเลือด เป็นสาเหตุอันดับ 1 การเสียชีวิตทั่วโลก โดยในแต่ละปี มีผู้เสียชีวิตจากโรคหัวใจและหลอดเลือดมากถึง 20.5 ล้านคน และ 1 ใน 5 เป็นการเสียชีวิตก่อนวัยอันควรที่สามารถป้องกันได้ จากระบบคลังข้อมูลด้านการแพทย์และสุขภาพ (HDC) ปี 2568 ประเทศไทยมีผู้ป่วยสะสมโรคหัวใจและหลอดเลือดมากถึง 2.6 แสนคน และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นในแต่ละปี

นายแพทย์สุทัศน์ โชตนะพันธ์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า โรคหัวใจและหลอดเลือดเกิดจากหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจตีบตัน เนื่องจากการสะสมของไขมัน โปรตีน และการอักเสบบริเวณผนังด้านในของหลอดเลือดหัวใจ หากมีอาการเจ็บแน่นกลางอก จุกแน่นกลางอก เจ็บร้าวไปที่หัวไหล่ซ้าย แขนหรือกราม เหงื่อออก ใจสั่น ควรรีบพบแพทย์ทันที หรือโทร. 1669 ปัจจัยเสี่ยงที่เป็นสาเหตุหลักของการเสียชีวิต ได้แก่ โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน ระดับไขมันในเลือดสูง ภาวะอ้วนและน้ำหนักเกิน การสูบบุหรี่และดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ การรับประทานอาหารที่มีรสหวานจัด มันจัด เค็มจัด และมลพิษทางอากาศ ซึ่งโรคหัวใจและหลอดเลือดสามารถป้องกันได้ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ควบคุมน้ำหนัก ระดับความดันโลหิต ระดับน้ำตาลและไขมันในเลือด เข้ารับการตรวจคัดกรองหรือตรวจสุขภาพประจำปีอย่างน้อยปีละ 1 ครั้งอย่างสม่ำเสมอเพื่อลดความเสี่ยงการเกิดโรค

สมาพันธ์หัวใจโลก  พบว่า การออกกำลังกายสามารถช่วยในการป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือดได้ถึงร้อยละ 80 จึงขอเชิญชวนให้ประชาชนตั้งเป้าหมายการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมโดยการออกกำลังกายอย่างน้อย 30 นาทีต่อวัน หรือสะสม 150 นาทีต่อสัปดาห์ รับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ ตามหลัก 2:1:1 ผัก 2 ส่วน ข้าว 1 ส่วน เนื้อสัตว์ 1 ส่วน หลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสหวานจัด มันจัด เค็มจัด ทำจิตใจให้ผ่องใสไม่เครียด นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ 7 – 9 ชั่วโมงต่อวัน ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ BMI 18.5 – 22.9 กิโลกรัมต่อตารางเมตร งดสูบบุหรี่และดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ หลีกเลี่ยงอากาศที่มีมลพิษและฝุ่นควัน และที่สำคัญการรู้ค่าและควบคุมค่าความดันโลหิตน้อยกว่า 120/80 มิลลิเมตรปรอท ระดับน้ำตาลในเลือดน้อยกว่า 100 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร และระดับไขมันในเลือดไม่เกิน 200 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร เพื่อให้ประชาชนมีสุขภาพชีวิตที่ดีไม่พลาดโอกาสการใช้ชีวิตร่วมกับครอบครัวและคนที่คุณรัก

ข่าวที่เกี่ยวข้อง