“คนละครึ่งพลัส” รับสิทธิ์อายุ 16 ปีขึ้นไป ลงทะเบียน ต.ค. ใช้จ่าย พ.ย. – ธ.ค. นี้

หลังจากที่นายภราดร ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงความคืบหน้าการดำเนินการโครงการ “คนละครึ่งพลัส” ว่า ขณะนี้งบประมาณปี 2568 น่าจะเหลืออยู่ประมาณกว่า 60,000 ล้านบาท แบ่งเป็นงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ประมาณกว่า 20,000 ล้านบาท โดยจะใช้งบนี้ไปดำเนินโครงการ “คนละครึ่งพลัส” ซึ่งจะให้กลุ่มที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐก่อน จำนวน 13 ล้านคน วงเงินประมาณกว่า 22,000 ล้านบาท โดยจะจ่ายเพิ่มเติมจากเดือนละ 300 บาท เข้าไปอีก 1,700 บาท เป็น 2,000 บาท เบื้องต้นจะทยอยให้ทุกกลุ่ม คาดว่า จะมีถึง 20 ล้านสิทธิ(ไม่รวม 13 ล้านสิทธิผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ) ครอบคลุมประชาชนทั่วไปที่เคยลงทะเบียนคนละครึ่งเฟส 5 ไว้ หากใครที่ยังไม่เคยลงทะเบียน ต้องลงทะเบียนใหม่ แต่รายละเอียดที่ชัดเจน นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง จะชี้แจงอีกครั้ง โดยโครงการคนละครึ่งจะใช้งบประมาณที่เหลือของปี 2568 และงบประมาณปี 2569 อีกประมาณ 25,000 ล้านบาทเพิ่มเติม

ทางด้านนายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ รองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เปิดเผยว่า นโยบาย “คนละครึ่งพลัส” ที่จะเริ่มต้นเดือนตุลาคมนี้ ผู้มีสิทธิ์ต้องอายุ 16 ปีขึ้นไป โดยแบ่งเป็น 3 กลุ่ม ดังนี้

1. ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จำนวน 13 ล้านสิทธิ์ รัฐบาลจะเติมเงินให้อีก 1,700 บาท ซึ่งจากเดิมให้อยู่แล้ว 300 บาท แต่เติมเพิ่มอีก 1,700 บาท รวมจะได้เงินทั้งหมด 2,000 บาท ทั้งนี้ จะเติมให้ครั้งเดียวเท่านั้น ใช้ได้
2 เดือน ตั้งแต่เดือน พฤศจิกายน – ธันวาคม 2568

2. ผู้ที่ไม่ได้อยู่ในระบบภาษี จำนวน 9 ล้านคน คนละครึ่ง 50:50 จะได้เงินคนละ 2,000 บาท จ่ายได้วันละไม่เกิน 200 บาท ใช้ได้ 2 เดือน ตั้งแต่เดือน พฤศจิกายน – ธันวาคม 2568

3. ผู้ที่อยู่ในระบบภาษี จำนวน 11 ล้านคน คนละครึ่ง 50:50 จะได้เงินคนละ 2,400 บาท จ่ายได้วันละไม่เกิน 200 บาท ใช้ได้ 2 เดือน คือ ตั้งแต่เดือน พฤศจิกายน – ธันวาคม 2568

วิธีลงทะเบียน “คนละครึ่งพลัส” ประชาชนสามารถลงทะเบียนรับสิทธิ์ผ่าน 2 ช่องทาง ได้แก่

1. เว็บไซต์ www.คนละครึ่ง.com (รอเปิดใช้งาน)

    – กดลงทะเบียนรับสิทธิสำหรับประชาชน

    – กรอกข้อมูลส่วนบุคคล และเบอร์โทรศัพท์

    – รอรับ SMS ยืนยันการลงทะเบียนภายใน 3 วัน

2. ลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง”

    – ต้องผูกกับกระเป๋าสตางค์อิเล็กทรอนิกส์ G-Wallet (กดแถบโครงการคนละครึ่ง) เพื่อยืนยันตัวตนและรับสิทธิ

    – ผู้ใช้จะต้องเติมเงินเข้ากระเป๋าสตางค์อิเล็กทรอนิกส์ (G-Wallet) โดยสามารถเติมได้ผ่าน 3 ช่องทาง คือ 1. Mobile Banking 2. QR Code PromptPay 3. ตู้ ATM

    – เมื่อเติมเงินเข้า G-Wallet แล้ว ในขั้นตอนการชำระเงิน ผู้ได้รับสิทธิจะต้องเข้าแอปฯ เป๋าตัง เข้าเมนูคนละครึ่ง จากนั้นกดปุ่มสแกน QR Code เพื่อใช้สิทธิ จากนั้นยืนยันการชำระเงิน

ขั้นตอนติดตั้งและใช้งานแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง”

1. ดาวน์โหลดจาก App Store หรือ Google Play (รองรับ Android 9.0+ และ iOS 15.0+)

2. ค้นหาแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” แล้วกด “ติดตั้ง”

3. เปิดแอปฯ และยินยอมการจัดการข้อมูล

4. เตรียมบัตรประชาชน ถ่ายรูปบัตร กรอกเบอร์มือถือรับรหัส OTP

5. ยืนยันตัวตนได้ 2 วิธี

    – Krungthai NEXT : เข้าสู่ระบบ กรอกรหัส รับ OTP ตั้ง PIN

    – สแกนใบหน้า : สแกนหน้า ตั้ง PIN เปิดใช้งาน Face/Touch ID

6. ยอมรับเงื่อนไขการใช้งาน รอระบบตรวจสอบ หากสำเร็จจะแสดงการ์ด G-Wallet บนหน้าจอ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง