ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 สรุปสถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย – กัมพูชา ประจำวันที่ 5 ตุลาคม 2568 สถานการณ์โดยรวม กองทัพภาคที่ 2 ได้เชิญ คณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว (Interim Observer Team: IOT) จำนวน 3 ประเทศ ประกอบด้วย บรูไน มาเลเซีย และสิงคโปร์ รวม 4 นาย นำโดยพลจัตวา ซัมซุล ริซัล บิน มูซา ผู้ช่วยทูตทหารมาเลเซียประจำประเทศไทย ในฐานะหัวหน้าคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว IOT เดินทางเข้าตรวจเยี่ยมพื้นที่ควบคุมเชลยศึก เพื่อรับฟังข้อมูลข้อเท็จจริงและสังเกตการณ์การปฏิบัติงาน ด้านการดูแลเชลยศึก ของกองทัพภาคที่ 2 โดยได้ตรวจสอบสภาพความเป็นอยู่ การจัดสวัสดิการ รวมถึงมาตรการด้านมนุษยธรรม ที่กองทัพภาคที่ 2 ดำเนินการอย่างรอบคอบและเป็นไปตามหลักสากล
การตรวจเยี่ยมในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อยืนยันถึงมาตรฐานการปฏิบัติต่อเชลยศึกอย่างถูกต้อง เหมาะสม และเป็นไปตามที่กองทัพภาคที่ 2 ได้นำเสนอไว้ ว่าทุกขั้นตอนของการดูแลเชลยศึกเป็นไปด้วยความเคารพในศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ภายใต้หลักมนุษยธรรมอย่างเคร่งครัด
จากนั้นคณะ IOT ได้ลงพื้นที่สำรวจพื้นที่บริเวณแนวรั้วใกล้เส้นปฏิบัติการ และจุดที่มีรายงานการละเมิด ที่ช่องสายตะกู ตำบลจันทบเพชร อำเภอบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์ เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยทหารในพื้นที่ได้สื่อสารและอธิบายแผนที่ให้คณะ IOT รับทราบถึงที่ตั้งและสถานการณ์ในพื้นที่ทั้งรายละเอียดของหลักหมุดเขตแดนที่ 24 25 และ 26 และพบการก่อสร้างบ่อนกาสิโน และฐานปฏิบัติการณ์คอลเซ็นเตอร์ ที่ก่อสร้างใกล้กับหลักหมุดที่ 25 และมีการขยายการก่อสร้างประชิดชายแดนไทย ซึ่งปัจจุบันยังพบว่ามีชาวกัมพูชาอาศัย นอกจากนี้ยังได้ตรวจสอบร่องรอยความเสียหายจากการยิงและระเบิด BM-21 ของกัมพูชา ที่ยิงพุ่งเป้าเข้าชุมชน เกิดร่องรอยความเสียหายที่ตู้คอนเทนเนอร์ในฝั่งไทย ซึ่งเป็นตู้จุดสำหรับขออนุญาตผ่านแดน และทางเข้าไปยังตลาดฝั่งไทย
สำหรับจุดผ่อนปรนช่องสายตะกู เป็นจุดผ่อนปรนทางการค้าชายแดนชั่วคราวที่ในอดีตไทยและกัมพูชาใช้เป็นจุดซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้าระหว่างกัน แต่หลังจากที่มีการสู้รบทำให้มีการปิดด่านมานานกว่า 2 เดือนแล้ว
พลจัตวา ซัมซุล ริซัล บิน มูซา กล่าวว่า จากการลงพื้นที่ทั้ง 2 วัน สิ่งที่มีความสำคัญคือการเสริมสร้างและการใช้ความร่วมมือทวิภาคีที่ตกลงกันภายใต้การประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (Regional Border Committee : RBC) ไทย-กัมพูชา คณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee : GBC) ไทย-กัมพูชา และ คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (Joint Boundary Commission : JBC) ไทย-กัมพูชา อย่างไรก็ตามจะต้องมีความจริงใจและความเชื่อมั่นระหว่างกัน นอกจากนี้การปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงเป็นสิ่งที่ต้องทำเพื่อลดความตึงเครียดและหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดขึ้น และการทำให้ข้อตกลงหยุดยิงเกิดผลนั้นทางคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราวของทั้ง 2 ประเทศจึงต้องลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบและสังเกตการณ์ ซึ่งคณะ IOT หวังเป็นอย่างยิ่งว่ากระบวนการเจรจาในกรอบ JBC จะเกิดขึ้นโดยเร็ว
ทั้งนี้ในส่วนของการรายงานความคืบหน้า คณะผู้สังเกตการณ์ทั้งไทยและกัมพูชา ก็ได้ลงพื้นที่เพื่อยืนยันและส่งรายงานกลับไปยังกองบัญชาการ และกองบัญชาการเมื่อได้รับรายงานแล้วจะนำรายงานดังกล่าวนำเรียน
ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของกองทัพมาเลเซีย ซึ่งเป็นหัวหน้าทีมได้รับทราบ และหลังจากนั้นจะมีการรายงานไปยังผู้บัญชาการทหารสูงสุดของกองบัญชาการกองทัพไทยและทางกัมพูชา เพื่อเสนอแนะในเรื่องที่ทุกฝ่ายควรดำเนินการและไม่ควรดำเนินการ เพื่อที่จะคงไว้ซึ่งความมั่นคง และคงไว้ซึ่งการปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิง นอกจากนี้ยังมีการประสานงานกันระหว่าง IOT ทั้งฝ่ายไทยและกัมพูชาอยู่ตลอด
สำหรับเป้าหมายของคณะ IOT เพื่อสังเกตการณ์ตรวจสอบในพื้นที่จริง เมื่อได้ข้อเท็จจริงหรือมีการยืนยันแล้วก็จะรายงานกลับไปให้สังคมโลกได้รับทราบ ทั้งนี้ประเด็นหนึ่งที่สำคัญ คือคุณภาพในการลงพื้นที่มีค่ามากกว่าความถี่ในการลงพื้นที่ ซึ่งการลงพื้นที่ในครั้งนี้ เราได้รับทราบข้อมูลจากทหารแนวหน้า และขอชื่นชมกองทัพบกที่ปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างดีและได้ปฏิบัติการโดยที่ไม่มีการให้ข้อมูลเท็จ กำลังทหารไทยยังอยู่ในที่มั่นของตัวเองเหมือนเดิม ไม่มีการเสริมกำลัง เป็นการปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงที่ได้คุยกันไว้ จึงขอเน้นย้ำในการรักษาไว้ซึ่งความเป็นทหารอาชีพ คุณภาพของการปฏิบัติการ ตั้งแต่ระดับพลทหารไปจนถึงระดับผู้บังคับบัญชา เพื่อให้การปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงนั้น เป็นไปตามที่ได้ตกลงไว้
อย่างไรก็ตามพวกเราคือ 1 ในประเทศภายใต้ประชาคมอาเซียน เราปฏิบัติตามแนวทางของอาเซียน และอาเซียนเองก็เชื่อในความร่วมมือทวิภาคี ดังนั้น พวกเราคือครอบครัว และเชื่อมั่นว่าทั้ง 2 ประเทศล้วนต้องการให้เกิดสันติภาพขึ้น
สำหรับแนวทางการสร้างรั้วในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พลโท วีระยุทธ รักศิลป์ แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวว่า รั้วที่จะสร้างจะไม่ใช่มีเพียงลวดหนามอย่างเดียว ต้องมีองค์ประกอบอื่นๆ เพื่อเสริมความมั่นคง เช่น การติดตั้งกล้อง CCTV เพื่อสอดส่องในเวลากลางคืน และคาดว่าจะเริ่มสร้างรั้วในพื้นที่ที่มีความสำคัญทางยุทธวิธีก่อน เพื่อเน้นการสร้างความปลอดภัยให้กับกำลังพล ตามหลักคิดว่าเมื่อทหารปลอดภัย ประชาชนก็จะปลอดภัย ส่วนจะขยายการสร้างรั้วตลอดแนวชายแดนหรือไม่ อย่างไร เป็นเรื่องของอนาคต
นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย สั่งเร่งจ่ายเงินเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ยืนยัน 315,476 ครัวเรือน ใน 7 จังหวัด ประกอบด้วย จังหวัดอุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ สระแก้ว จันทบุรี และตราด ได้รับเงินเยียวยาแน่นอน ซึ่งเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2568 กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ส่งข้อมูลให้ธนาคารออมสิน ดำเนินการโอนให้ผู้ประสบภัยแล้ว 238,053 ครัวเรือน ดังนี้
1. จังหวัดบุรีรัมย์ ศรีสะเกษ และสุรินทร์ จำนวน 147,370 ครัวเรือน จำนวนเงิน 736,850,000 บาท
จะได้รับเงินวันที่ 6 ตุลาคม 2568
2. จังหวัดศรีสะเกษ อุบลราชธานี สระแก้ว และตราด จำนวน 90,683 ครัวเรือน จำนวนเงิน 364,417,000 บาท จะได้รับเงินวันที่ 7 ตุลาคม 2568
ทั้งนี้ ปภ. จะทยอยส่งรายชื่อให้ธนาคารออมสิน โอนให้แล้วเสร็จภายในเดือน ตุลาคม 2568 นี้ โดยธนาคารออมสินจะโอนเงินให้ผู้ประสบภัยผ่านระบบ PromptPay ที่ได้ผูกไว้กับหมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน และผู้ประสบภัยสามารถตรวจสอบสถานะ “การรับเงินช่วยเหลือ” ได้ที่ https://relief68.disaster.go.th/Dashboard/BoardHelpRegister โดยระบุหมายเลขบัตรประจำตัวประชาชนในการตรวจสอบ
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังห่วงกลุ่มคนที่ไม่เข้าเกณฑ์ จึงสั่งการให้ ปภ. พิจารณาหลักเกณฑ์ เงื่อนไข วิธีการจ่าย และวงเงินช่วยเหลือ ให้บรรเทาทุกข์ประชาชนได้อย่างครอบคลุม