นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) กล่าวว่า ในระยะนี้ปริมาณน้ำจากพื้นที่ตอนบนของประเทศมีแนวโน้มลดลง กรมชลประทานจึงเตรียมปรับลดการระบายน้ำเขื่อนเจ้าพระยาลงจากปัจจุบันอยู่ที่ 2,500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เหลือ 2,400 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที จะช่วยให้ระดับน้ำในพื้นที่ท้ายเขื่อนลดลงประมาณ 20 – 25 เซนติเมตร
ส่วนการเตรียมบริหารจัดการน้ำช่วงฝนตกหนักจะดำเนินการอย่างเต็มศักยภาพ เพื่อควบคุมการระบายน้ำของเขื่อนเจ้าพระยาให้อยู่ในอัตราไม่เกิน 2,500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที และมีระดับน้ำหน้าเขื่อนไม่เกิน 17 เมตรจากระดับทะเลปานกลาง พร้อมระบายน้ำไปทางฝั่งตะวันออกและตะวันตกของเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มมากขึ้น ในอัตราเหมาะสม ที่พื้นที่สามารถรองรับได้ รวมทั้งได้กำชับให้ทุกหน่วยงานประเมินผลกระทบจากพายุ“แมตโม”ต่อเนื่อง
ขณะที่เขื่อนหลักลุ่มน้ำเจ้าพระยา 4 เขื่อนคือ เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ยังมีศักยภาพรองรับน้ำได้อีก 2,185 ล้านลูกบาศก์เมตร และมีน้ำไหลผ่านสถานี C.2 จังหวัดนครสวรรค์ อยู่ที่ 2,748 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที แม้จะมีแนวโน้มเกิดน้ำหลากเฉพาะพื้นที่จากฝนตกหนัก แต่ยังสามารถบริหารจัดการน้ำได้อย่างเต็มที่